svasdssvasds

พบแหล่งรั่วไหลของก๊าซมีเทนปริมาณมาก อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง

พบแหล่งรั่วไหลของก๊าซมีเทนปริมาณมาก อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง

นักวิทย์กังวลหนัก หลังพบว่าธารน้ำแข็งในอาร์กติกที่เคยทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิโลก ไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่คิด แต่กลับซุกซ่อน 'ก๊าซมีเทน' เอาไว้ และเริ่มปล่อยมันออกมาในปริมาณมาก

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอาร์กติกแห่งนอร์เวย์ (UiT) ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับน้ำแข็ง การแช่แข็ง คาร์บอน และสภาพภูมิอากาศ ค้นพบว่าธารน้ำแข็งในอาร์กติกไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่พวกเขาคิด เพราะภายใต้ชั้นน้ำแข็งอันหนาทึบ ธารน้ำแข็งเหล่านี้กำลังปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณมากสู่ชั้นบรรยากาศ

พวกเขาได้ตรวจสอบด้วยการวัดระดับมีเทนในน้ำพุใต้ดินและแม่น้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็ง ซึ่งแม้จะคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะได้เห็นมีเทนบางส่วนในแหล่งน้ำดังกล่าว แต่ความเข้นข้นของมีเทนที่วัดได้กลับสูงอย่างน่าประหลาดใจ โดยระดับมีเทนในแม่น้ำที่ละลายมีสูงกว่าระดับสมดุลในชั้นบรรยากาศถึง 800 เท่า และมีความเข้มข้นสูงสุดที่ 3,170 นาโนโมลาร์ในช่วงต้นฤดูน้ำแข็งละลาย

พบแหล่งรั่วไหลของก๊าซมีเทนปริมาณมาก อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง

จากการวิเคราะห์ไอโซโทปแสดงให้เห็นว่า มีเทนเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากการก่อตัวทางธรณีวิทยาโบราณ และถูกกักเก็บไว้ในพื้นที่ดังกล่าวมานานหลายล้านปี ก่อนจะถูกปล่อยออกมาเมื่อภาวะโลกร้อนกระตุ้นให้ธารน้ำแข็งละลาย หรือเมื่อน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งได้ไหลผ่านรอยแตกของหินออกมา

นักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำนิยามกระบวนการดังกล่าวว่าเป็น "การแตกหักของธารน้ำแข็ง" เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยธารน้ำแข็งจะทำหน้าที่เป็นแผ่นปกคลุมขนาดมหึมาที่ฝังก๊าซมีเทนไว้ใต้ดิน เมื่อมันเกิดการละลาย น้ำจะชะล้างก๊าซมีเทนและไหลออกมาทางรอยแตกในชั้นหิน ส่งผลให้มีเทนลอยขึ้นมาเหนือพื้นดินและออกสู่ชั้นบรรยากาศ 

พบแหล่งรั่วไหลของก๊าซมีเทนปริมาณมาก อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง

นักวิจัยยังประมาณการว่ากลไกที่คล้ายคลึงกันนี้อาจมีผลกับธารน้ำแข็งอื่นอีกหลายแห่ง ขณะที่อาร์กติกกำลังประสบกับภาวะโลกร้อนในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 4 เท่า และธารน้ำแข็งก็กำลังละลายในอัตราที่น่าตกใจ

ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทรงพลังกว่าคาร์บอนไดออกไซด์มากในระยะเวลาสั้นๆ แม้ว่าการปล่อยก๊าซเหล่านี้จะเกิดขึ้นตามฤดูกาล แต่ก็อาจเพิ่มขึ้นได้เมื่อธารน้ำแข็งเกิดการละลายมากขึ้น ทำให้ทีมวิจัยต้องออกมาเตือน โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพภูมิอากาศโลก