SHORT CUT
คู่แต่งงานแยกกันอยู่มากขึ้น เหตุเพราะต้องการพื้นที่ส่วนตัว มีเวลาทำตามความฝัน เบื่อการทะเลาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ตามปกติแล้ว คู่รักส่วนใหญ่ มักอยู่ด้วยกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ปัจจุบันทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เพราะการ Living Apart Together (LAT) หรือ “แยกกันอยู่” คือเคล็ดลับใหม่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวและมีความสุขยิ่งขึ้น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่แต่งงานแล้วพุ่งดิ่งลงในช่วงปี ช่วงปี 2000 -2019 แต่เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่แต่งงานแล้วแต่ “แยกกันอยู่” กลับเพิ่มมากขึ้น ตามข้อมูลจาก “America’ s Families and Living Arrangements” โดยปี 2000 -2019 เปอร์เซ็นต์ของคู่แต่งงานที่แยกกันอยู่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 25
และในปี 2021 ก็ยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีชาวอเมริกันจำนวน 3.89 ล้านคน อาศัยอยู่แยกจากคู่สมรสตัวเอง ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 2.95ของคนอเมริกันที่แต่งงานแล้ว (สถิตินี้ไม่รวมคู่รักที่แยกกันเพราะเตรียมหย่าร้าง หรือแยกกันอยู่เพราะจำเป็น เช่นฝ่ายชายต้องไปเป็นทหาร)
ทั้งนี้ การระบาดของ “ไวรัสโควิด 19 (COVID-19)” อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การแยกกันอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่จากการที่สื่อไปสัมภาษณ์คู่แต่งงานหลายคู่ พบว่าเรื่องเพศอาจเป็นสาเหตุหลัก เพราะมักจะเป็นฝ่ายหญิงที่ขอแยกออกจากฝ่ายชาย เพราะการอยู่คนละที่กันทำให้ผู้หญิงไม่ต้องปฏิบัติตัวเป็นภรรยา ตามธรรมเนียม เช่นไม่ต้องทำงานบ้าน ซักผ้า หรือทำอาหาร ให้ฝ่ายชาย ซึ่งยังคงเป็นภาระหน้าที่หลักของผู้หญิง
ยกตัวอย่าง กรณีของ “ซานา อัคฮันด์” ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ถึงสาเหตุที่แยกกันอยู่กับสามีว่า เธอมีอชีพเป็นนักเขียนและผู้พูดสร้างแรงบันดาลใจ แต่เมื่อเธอแต่งงาน อัคฮันด์พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีแรงบันดาลใจสร้างสรรค์งาน และค่อยๆ สูญเสียความคิดริเริ่มต่างๆ เมื่ออยู่ในสถานะ “ภรรยา”
อัคฮันด์ จึงตัดสินใจ แยกชีวิตของเธอออกมาในปี 2021 ซึ่งโชคดีที่สามีของเธอเข้าใจ และสนับสนุนให้เธอก้าวออกมามีชีวิตของตัวเอง และเมื่อแยกกันอยู่แล้ว อัคฮันด์ก็ไม่ต้องกังวลว่าสามีจะกินข้าวอยู่หรือเปล่า หรือเขาสบายดีไหม อีกต่อไป เพราะเขาอยู่ในบ้านของเขา นั่นจึงเป็นความรับผิดชอบของเขา
ผลของการแยกกันอยู่คือ อัคฮันด์ ได้ใช้เวลากับเพื่อนสาว และจดจ่ออยู่กับงานของตัวเองมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยการตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกในชีวิต
ปัจจุบัน ซานา อัคฮันด์ กับ สามียังรักกันเหมือนเดิม และไปมาหาสู่กันตามความเหมาะสม แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังแยกกันอยู่เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้แต่ละคนมีพื้นที่ทำในสิ่งที่รัก
หรืออีกกรณีหนึ่ง “เจฟ” และ “คอนนี่ ออร์ดเวย์” คู่ที่แต่งงานในปี 2003 และใช้ชีวิตด้วยกันมานับแต่นั้น แต่ในปี 2021 ออร์ดเวย์ ก็เอ่ยปากกับสามีว่า อยากซื้อ อพาร์ตเมนต์ของเธอเอง เพราะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด 19 ทำให้เธอต้องเก็บตัวอยู่ที่ฟาร์มชนบทของสามีในในเมืองแอชแลนด์ รัฐมิสซูรี่ เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งเป็นชีวิตที่ยากมากสำหรับออร์ดเวย์
หลังจากหายลังเล ในเดือนมีนาคมปี 2022 ออร์ดเวย์ ในวัย 62 ปี ได้ซื้ออพาร์ตเมนต์ในโคลัมเบีย ซึ่งสามารถขับรถมาที่ฟาร์มของสามีได้ภายใน 20 นาที และเธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่คนขับรถรับส่งที่มหาวิทยาลัยมิสซูรี งานนั้นทำให้เธอได้เข้าสังคมมาหขึ้น แต่ออร์ดเวย์ก็ไม่ลืมไปเยี่ยมบ้านของวสามีสัปดาห์ละสองครั้ง และพูดคุยทางโทรศัพท์กับเขาในทุกเช้าและทุกคืน
ออร์ดเวย์ ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ถึงสาเหตุที่ตัดสินใจแบบนั้นว่า “เพื่อจดจำว่าฉันเป็นใครเมื่ออยู่คนเดียว จดจำว่าฉันชอบทำอะไรเวลาอยู่คนเดียว และมันเป็นของขวัญที่งดงาม”
กรณีข้างต้นเป็นเพียงเหตุผลตัวอย่าง ของความสัมพันธ์แบบ LAT เพราะคู่แต่งงานแต่ละคู่ก้มีเหตุผลต่างกัน แต่รวมๆ แล้วความสัมพันธ์แบบนี้ มักมาจากฝ่ายหญิง ซึ่งสะท้อนว่า ผู้หญิงกำลังให้ความสำคัญกับความต้องการส่วนบุคคลของตัวเอง มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต่างกับวิถีชีวิตคู่ในสมัยก่อนมาก
ไม่ว่าจะเลือกความสัมพันธ์แบบ LAT ด้วยเหตุผลอะไร ผู้เชี่ยวชาญก็เผยว่าการที่คู่รักอยู่แบบแยกจากกัน มีข้อดีตรงที่ เอื้อให้ทั้งสองฝ่ายมีพื้นที่ส่วนตัว และสามารถลดการทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อยๆ ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ออกแบบชีวิตตัวเองตามต้องการ จัดตารางเวลาของตัวเอง หรือพบปะเพื่อนฝูงและญาติได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดที่ไม่แบ่งเวลาให้คู่รัก รวมถึงยังสามารถนอนหลับได้เต็มอิ่ม โดยไม่มีเสียงกรนของอีกคนรบกวน หรือจะทำเสียงดังตอนกลางคืนแค่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์แบบ LAT อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคู่เสมอไป ก่อนที่จะเริ่มมันควรปรึกษาคู่ของตัวเองอย่างถี่ถ้วนก่อน และให้ดีที่สุด ควรมีคำถามเหล่านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง