svasdssvasds

กมธ. เผย ถึงเวลายกระดับการบังคับใช้กฎหมาย แก้ฝุ่น PM 2.5 เพื่ออากาศสะอาด

กมธ. เผย ถึงเวลายกระดับการบังคับใช้กฎหมาย แก้ฝุ่น PM 2.5 เพื่ออากาศสะอาด

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เผย จะแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างยั่งยืน ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ชวนติดตาม พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ในการประชุมสภาวาระ 2, 3

วันนี้ (21 ก.พ. 68) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ กล่าวว่า ฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นวิกฤตที่กระทบทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่และพื้นที่อุตสาหกรรม

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ

ฝุ่นขนาดเล็กนี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่าย นำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคปอด อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและทำลายระบบนิเวศ

ที่น่ากังวลที่สุดคือ ผลกระทบที่ใกล้ตัวประชาชนมากขึ้นทุกวัน เช่น การที่เด็ก ๆ ไม่สามารถออกไปเล่นนอกบ้านได้ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังมีอาการกำเริบเพิ่มขึ้น และคนทำงานกลางแจ้งต้องเสี่ยงต่อการสูดฝุ่นพิษสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ปัญหานี้จึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ผลงานรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5: ถึงเวลาทบทวนและก้าวข้ามข้อจำกัด

1. ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น ห้ามเผาในที่โล่ง ควบคุมการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะและโรงงาน

2. ติดตามและแจ้งเตือนคุณภาพอากาศ โดยติดตั้งสถานีตรวจวัดและแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน

3. มาตรการฉุกเฉิน เช่น การประกาศเขตควบคุมมลพิษ การทำฝนเทียม

4. ส่งเสริมพลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทดแทน

5. รณรงค์และสร้างความตระหนัก โดยให้ความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

6. ความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน

7. การวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการลดฝุ่น PM2.5

แม้ว่ารัฐบาลจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่สามารถลดวิกฤตนี้ได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะข้อจำกัดในด้านการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มงวดพอ และการขาดความร่วมมือจากบางภาคส่วน

รวมถึงมลพิษข้ามแดนที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องการแนวทางใหม่และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ เน้นว่าการแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการปรับปรุงนโยบายอย่างต่อเนื่อง

 

ปัญหาฝุ่น PM2.5: วิถีที่ยืดเยื้อและต้องการวิธีแก้ไขจากทั่วโลก

นอกจากนี้ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ ยังชี้ให้เห็นว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นวิกฤตที่ยืดเยื้อและส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเสนอให้ศึกษาแนวทางจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่มีกฎหมายควบคุมหมอกควันข้ามแดนอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการแก้ไขปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เสียงจากประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงได้!

การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ถ้าพวกเราทุกคนร่วมกันติดตามการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ในการประชุมสภาวาระ 2, 3 เสียงของประชาชนจะกลายเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง

 

แสดงพลังเพื่อสิทธิในอากาศสะอาด!

สิทธิในอากาศสะอาดคือสิทธิมนุษยชนที่คนไทยทุกคนควรมี มาร่วมกันแสดงพลังและผลักดันให้อากาศสะอาดเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองอย่างจริงจัง! การร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการผลักดันนโยบายที่เข้มแข็งจะทำให้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related