ไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแองเจลิส ที่เผาผลาญบ้านเรือนนับหมื่นหลัง คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ได้รับการประเมินความเสียหายเป็นมูลค่าสูงถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์ คำถามคือใครต้องจ่ายเงินชดเชยเพื่อรับผิดชอบต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
ไฟป่าครั้งใหญ่ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วหลายหมื่นไร่ ทำลายอาคารบ้านเรือนไปกว่า 12,000 หลัง กลายเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯตามการประมาณการล่าสุดของ AccuWeather บริษัทสื่อที่เชี่ยวชาญด้านการพยากรณ์อากาศของสหรัฐฯ ขณะที่ไฟป่ายังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง
AccuWeather ได้ประเมินความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้เป็นมูลค่ากว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยคำนึงถึงบ้านเรือน ธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการสร้างใหม่และย้ายผู้ประสบภัยจากบ้านเรือนที่ถูกทำลาย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาด ค่าใช้จ่ายในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาวสำหรับผู้ประสบภัยจากไฟไหม้
ตัวเลขดังกล่าวยังพิจารณาถึงรายได้ของแรงงานที่ขาดหายไป รวมถึงการย้ายที่อยู่อาศัยของคนที่ถูกบังคับให้อพยพ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลิกจ้างและการปิดธุรกิจได้
ขณะที่ชาวลอสแองเจลีสหลายพันคนต้องเผชิญกับการสูญเสียบ้าน และกำลังรอคอยการชดเชยเพื่อฟื้นฟูที่อยู่อาศัย ทางรัฐสภากลับยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ และจะให้ความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง
โดยปกติเมื่อเกิดความเสียหายเช่นนี้ ทั้งรัฐบาลและบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วน ขณะที่หลายคนมองว่า ผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นต้นเหตุการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็ควรช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายบางส่วนด้วย
การศึกษาวิจัยในปี 2023 พบว่าการปล่อยมลพิษจากบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นสาเหตุของความเสียหาย 37%ที่เกิดขึ้นในป่าทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งยังเชื่อมโยงกัะบภัยธรรมชาติอย่าง อุทกภัย ภัยแล้ง คลื่นความร้อน หรือไฟป่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีการโต้แย้งว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวของเหตุการณ์ไฟไหม้ในลอสแองเจลิส เนื่องจากยังมีการสอบสวนบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า ที่อาจต้องรับผิดชอบหาต้นเหตุไฟไหม้เกิดจากความเสียหายของอุปกรณ์หรือระบบจ่ายไฟด้วย