หลายเมืองของแคลิฟอร์เนียได้เผชิญภาวะขาดแคลนน้ำที่จะใช้เพื่อดับไฟป่าซึ่งลุกลามเผาผลาญเป็นวงกว้าง ทำให้เกิดคำถามที่ว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่ใช้ 'น้ำทะเล' ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม มาช่วยดับไฟ
ท่ามกลางไฟป่าที่เผาผลาญพื้นที่หลายหมื่นไร่ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ในหลายเมืองของรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความพยายามควบคุมไฟของเจ้าหน้าที่ คือ 'ภาวะขาดแคลนน้ำ' หลังเพิ่งผ่านพ้นปี 2024 ที่สภาพอากาศแห้งแล้งที่สุดในรอบหลายปี
เมื่อน้ำไม่พอดับไฟ พวกเขาก็ควบคุมเพลิงอย่างล่าช้าและยากลำบาก ทำให้หลายคนออกมาตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ใช้น้ำทะเลที่อยู่ใกล้เคียงมาดับไฟป่าแทน?
แพทริค เมโกนิกัล องผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยที่ Smithsonian Environmental Research Center อธิบายว่า แม้น้ำทะเลหรือน้ำเกลือจะสามารถใช้เพื่อดับไฟได้เช่นกัน แต่การใช้น้ำเกลือจะถูกนำมาพิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้าย และสงวนไว้สำหรับสถานการณ์ที่รุนแรงเท่านั้น
เหตุผลแรก เนื่องจากน้ำเกลือสามารถเร่งการกัดกร่อนของอุปกรณ์ดับเพลิง ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์เกิดการเสียหายและหมดอายุการใช้งานเร็วกว่าที่ควร โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีราคาสูงอย่างเครื่องบินสำหรับปล่อยน้ำดับเพลิง
เหตุผลที่สอง น้ำเกลือยังสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศในบริเวณที่น้ำเกลือถูกทิ้ง เช่น ต้นไม้ที่คุ้นเคยกับน้ำจืด เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากน้ำเค็ม อาจไม่สามารถกลับมาเจริญเติบโตได้อีก ซึ่งนับเป็นความเสียหายที่เรื้อรังยาวนาน จึงทำให้นักดับเพลิงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำทะเลโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วไฟป่าที่เกิดขึ้นในลอสแองเจลีสนั้นก็สร้างความเสียหายระดับมหาศาล จนนักดับเพลิงจำเป็นต้องใช้น้ำทะเลที่เป็นทางเลือกสุดท้าย ในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด โดยใช้เครื่องบินที่เรียกว่า Super Scoopers บินข้ามมหาสมุทรเพื่อรวบรวมน้ำทะเลหลายพันแกลลอนกลับมาราดลงบนไฟป่า ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าไฟป่าครั้งนี้ร้ายแรงขนาดไหน