ถือเป็นข่าวดีสำหรับการอนุรักษ์ช้างไทย เมื่อช้างป่ากุยบุรี ได้พลิดรักกันกลางป่า ซึ่ง นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า "การพบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ตามธรรมชาตินี้ เป็นผลจากความสำเร็จในการอนุรักษ์ที่ต่อเนื่องยาวนาน" ทำไมเป็นเช่นนั้น?
หนาวแบบนี้ช้างกอดกันแล้ว คุณมีใครกระชับกอดหรือยัง...?
วานนี้ (23 ธ.ค. 67) อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โพสต์ภาพ คู่รักช้างป่าที่กำลังเกี้ยวพาราสีกันท่ามกลางธรรมชาติ ไม่เพียงสร้างความประทับใจ แต่ยังเป็นสัญญาณแห่งความหวังของการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ช้างไทย
นับเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยาก การเกี้ยวพาราสีของช้างเป็นพิธีกรรมที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อน โดยช้างตัวผู้จะส่งเสียงร้องเฉพาะ แสดงท่าทางพิเศษ และใช้งวงสัมผัสเพื่อสื่อสารกับตัวเมียที่พร้อมผสมพันธุ์
นับเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยาก การเกี้ยวพาราสีของช้างเป็นพิธีกรรมที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อน โดยช้างตัวผู้จะส่งเสียงร้องเฉพาะ แสดงท่าทางพิเศษ และใช้งวงสัมผัสเพื่อสื่อสารกับตัวเมียที่พร้อมผสมพันธุ์
รู้หรือไม่ว่า...อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวรรค์ของช้างป่า" ด้วยพื้นที่กว่า 969 ตารางกิโลเมตร คลาคล่ำไปด้วยแหล่งน้ำ พืช และอาหารที่อุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี นอกจากช้างป่าแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากอีกหลายชนิด เช่น เสือโคร่ง กระทิง และนกเงือก
นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า "การพบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ตามธรรมชาตินี้ เป็นผลจากความสำเร็จในการอนุรักษ์ที่ต่อเนื่องยาวนาน เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของประชากรช้างป่าอย่างต่อเนื่อง จาก 150 ตัวในปี 2550 เป็นกว่า 250 ตัวในปัจจุบัน"
ช้างเพศเมียมีช่วงเวลาเป็นสัดเพียงปีละ 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งกินเวลาเพียง 3-4 วันเท่านั้น ระยะเวลาตั้งท้องยาวนานถึง 22 เดือน นับเป็นสัตว์บกที่มีระยะการตั้งท้องนานที่สุดในโลก ลูกช้างแรกเกิดมีน้ำหนักราว 100 กิโลกรัม และต้องพึ่งพานมแม่นานถึง 2-3 ปี ช้างเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันทางสังคมสูง โดยแม่ช้างจะดูแลลูกอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะโตเต็มวัย
ที่มา: อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง