svasdssvasds

ซีพีเอฟชี้แจงต่อกมธ. มั่นใจไม่ใช่ต้นตอปลาหมอคางดำ ยินดีช่วยรัฐฯแก้ปัญหา

ซีพีเอฟชี้แจงต่อกมธ. มั่นใจไม่ใช่ต้นตอปลาหมอคางดำ ยินดีช่วยรัฐฯแก้ปัญหา

ซีพีเอฟชี้แจงต่อกมธ. มั่นใจไม่ใช่ต้นเหตุการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ย้ำพร้อมช่วยเหลือรัฐบาลแก้ปัญหาเอเลี่ยนสปีชีส์ทุกมิติ

SHORT CUT

  • ซีพีเอฟแจง ไม่ใช่ต้นเหตุการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
  • ตอนนี้ได้ยื่นหนังสือชี้แจงต่อกมธ.แล้ว ว่าขั้นตอนการนำเข้าและการทำลายเป็นอย่างไร
  • ยืนยันให้ความร่วมมือและสนับสนุนรัฐฯแก้ไขปัญหาทุกมิติ

ซีพีเอฟชี้แจงต่อกมธ. มั่นใจไม่ใช่ต้นเหตุการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ย้ำพร้อมช่วยเหลือรัฐบาลแก้ปัญหาเอเลี่ยนสปีชีส์ทุกมิติ

จากกรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในหลายจังหวัดของประเทศไทย สื่อสังคมได้ตั้งคำถามถึงที่มาของเอเลี่ยนสปีชีส์ชนิดนี้ ว่าใครเป็นผู้นำเข้ามาและทำไมถึงมีการระบาดรุนแรงได้ขนาดนี้ จนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและเกษตรกรผู้ทำประมง

ซึ่งหลายแหล่งได้อ้างถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งก็คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ได้มีประวัติการนำเข้าปลาหมอคางดำ ตามเอกสารบันทึกจากกรมประมง จนทำให้สังคมสงสัยว่า ปลาหมอคางดำที่ระบาดกว้างขวางอยู่ในปัจจุบัน อาจมาจากบริษัทแห่งนี้หรือไม่

ปลาหมอคางดำ

ล่าสุด วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีปัญหาปลาหมอคางดำ ต่อคณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.) โดยเอกสารชี้แจงมีดังนี้

นายเปรมศักดิ์ วนัชสุนทร ผู้บริหารสูงสุดด้านการวิจัยและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่า ในส่วนงานสัตว์น้ำ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้มีการทบทวนย้อนหลังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2553 ถึงวันทำลายในเดือนมกราคม 2554 มั่นใจได้ว่าบริษัทได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยความรอบคอบตามหนังสือชี้แจงที่ได้นำส่งไปยัง คณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.)

นายเปรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  “บริษัทยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานรัฐตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ด้าน อันประกอบด้วย 1. ทำงานร่วมกับกรมประมงในการสนับสนุนให้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำไปผลิตเป็นปลาป่น 2. ทำงานร่วมกับภาครัฐในการสนับสนุนการปล่อยปลาผู้ล่าลงสู่แหล่งน้ำ 3. สนับสนุนภาครัฐในการจัดกิจกรรมจับปลา 4.สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำร่วมกับสถาบันการศึกษา 5. สนับสนุนการวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ”

ปลาหมอคางดำ บริเวณท่าน้ำเขตอภัยทาน วัดยกกระบัตร จ.สมุทรสาคร  

หนังสือชี้แจงไปยัง กมธ. มีรายละเอียด ดังนี้ :

ในปี 2553 บริษัทได้นำเข้าปลาจำนวน 2,000 ตัว ซึ่งพบว่ามีปลาสุขภาพไม่แข็งแรงและมีการตายจำนวนมากในระหว่างทาง ทำให้เหลือปลาที่ยังมีชีวิตแต่อยู่ในสภาพอ่อนแอเพียง 600 ตัว ซึ่งได้รับการตรวจสอบ ณ ด่านกักกันโดยกรมประมง ทั้งนี้เนื่องจากปลามีสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีการตายต่อเนื่องจนเหลือเพียง 50 ตัว บริษัทจึงตัดสินใจหยุดการวิจัยในเรื่องนี้ โดยมีการทำลายซากปลาตามมาตรฐานและแจ้งต่อกรมประมง พร้อมส่งตัวอย่างซากปลา ซึ่งดองในฟอร์มาลีนทั้งหมดไปยังกรมประมงในปี 2554

นอกจากนี้ ในปี 2560 ที่เริ่มพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ คณะผู้ตรวจเยี่ยมจากกรมประมง เข้าตรวจเยี่ยมฟาร์มของบริษัท ณ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขอข้อมูลจำนวนลูกปลาหมอคางดำที่นำเข้าเมื่อปี 2553 และการบริหารจัดการ ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้รายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมฟาร์มอีกครั้ง ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้ชี้แจงถึงวิธีการทำลายปลาทั้งหมด โดยใช้สารคลอรีนเข้มข้นและฝังกลบซากปลาโรยด้วยปูนขาว และยืนยันว่าไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related