SHORT CUT
ขณะนี้ หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกัน ไทยเข้าสู่ช่วงรอยต่อระหว่างเอลนีโญสู่ลานีญา บทความนี้จะพาไปสำรวจสถานการณ์ ว่าด้วยเรื่องอากาศร้อนกับผลกระทบของประชาชนในประเทศนั้น ๆ
วันก่อนสหประชาชาติเพิ่งประกาศไปว่าปี 2566 ที่ผ่านมาเอเชียคือภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนเกิดภัยพิบัติมากที่สุดในโลก แต่ดูเหมือน ณ เวลานี้ ภัยแล้งดูจะเป็นอาวุธร้ายมากที่สุด
วันนี้ สปริงจะพาไปดูว่าประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยอย่าง ฟิลิปปินส์ พม่า เวียดนาม กัมพูชา ต้องเผชิญกับอากาศร้อนแค่ไหน ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งยังไงบ้าง เพื่อตรงตามคอนเซปต์ที่ว่า “เราจะร้อนไปด้วยกัน จนกว่าชีวิตจะหาไหม้”
สำหรับประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอยต่อของช่วงปลาย “เอลนีโญ” เข้าสู่ “ลานีญา” ซึ่งคาดว่าจะเกิดในเดือน มิ.ย. 67 เป็นต้นไป และจะหนักที่สุดช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 67
แต่ภาพรวม ไทยยังร้อนจนน่าเป็นห่วงอยู่ กว่า 42 จังหวัดที่คาดว่าอุณหภูมิจะพุ่งแตะ 40 – 43 องศา ดังนั้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้งไว้ก่อนดีที่สุด
เริ่มต้นด้วยไม้เบื่อไม้เมา (บนเวทีนางงาม) มีรายงานว่าขณะนี้พื้นที่กว่าครึ่งประเทศฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ แล้งถึงขั้นโครงสร้างเขื่อนที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1970s ปรากฏให้เห็นอีกครั้งเนื่องจากระดับน้ำลดลง
ด้วยค่าดัชนีความร้อนกว่า 42 – 46 องศา ทำให้ในที่สุด ทางการฟิลิปปินส์ได้สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 5,000 แห่ง แถมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้ง และให้พกร่ม สวมหมวก จิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดฮีทสโตรก แต่ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย
เรียกได้ว่าเดือดไม่แพ้สงครามในประเทศเลยทีเดียว เพราะขณะนี้พม่าอุณหภูมิ 45 องศา อากาศร้อนอบอ้าว ประชาชนส่วนใหญ่อาศัยไปนั่งอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อช่วยคลายร้อนได้บ้าง และเช่นกันมีการสั่งระงับชั้นเรียนแล้ว
อย่างไรก็ดี ฉากทัศน์ที่เป็นสงครามได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าเสียหายไปบางส่วน เป็นเหตุให้ประชาชนต้องเผชิญหน้ากับอากาศร้อนจัดเข้าอย่างจัง
ชาวย่างกุ้งถึงขั้นเอ่ยว่า “ตอนกลางคืนคือช่วงเวลาที่เราเฝ้ารอ เพราะตอนเที่ยง ๆ เราอาศัยอยู่ในบ้านไม่ได้จริง ๆ” โดยอากาศในพม่าจะเริ่มร้อนตั้งแต่ 10:00 น.เป็นต้นไป
ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค. 67 เวียดนามจะถูกคลื่นความร้อนถล่ม ทาฝั่งตะวันตกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะอยู่ที่ 36 – 40 องศา ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะอยู่ที่ 36 – 38 องศา แต่ที่พีคสุดคือกรุงฮานอย เพราะมีรายงานว่าอากาศอาจร้อนทะลุ 50 องศา ร้อนระดับสีดำ
อย่างไรก็ดี ทางการเวียดนามแนะนำว่าอย่าออกไปกลางแจ้งตั้งแต่เวลา 11:00 – 16:00 น. (ในวันหยุด) เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน รังสียูวี หรือหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก่อนออกจากบ้านควรสวมหมวกบังแดด ทาครีมกันแดดให้พร้อม
ชาญ ยุทธ โฆษกและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยากัมพูชา เปิดเผยว่า ขณะนี้กัมพูชากำลังถูกคลื่นความร้อนเล่นงาน อุณหภูมิพุ่งทะเล 42 องศา ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 170 ปี
ท่ามกลางอากาศร้อน ๆ ก็ยังมีเรื่องดี เพราะเมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม กัมพูชาจะมีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิโดยรวมเฉลี่ยลดลง ไม่ร้อนเท่าเดือนเมษายนแล้ว
ที่มา: The Guardian, CNA, lemonde, vnexpress, NST
ข่าวที่เกี่ยวข้อง