หากใครเคยคิดว่าวันหนึ่งอยากจะขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกับ "น้องหมา" คุณได้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้ เพราะล่าสุด Bark Air จับมือกับ Talon Air ให้บริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสำหรับ "คนและหมา" แล้ว เป็นครั้งแรกของโลก ค่าตั๋วไปกลับ เริ่มต้นที่ 4 แสนบาท พร้อมให้บริการ 2 เส้นทาง
ไม่ต้องโหลด “เจ้าตูบ” ไว้ใต้เครื่องอีกแล้ว เมื่อ “Bark Air” จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ “Talon Air”บริษัทให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เพื่อให้บริการเที่ยวบินสำหรับ ‘น้องหมาและเจ้าของ’ โดยตั๋ว 1 ใบใช้สำหรับหมาและคน ราคาตั๋วเริ่มต้นอยู่ที่ 6,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 220,200 บาท / เที่ยว
โดยปกติแล้ว หากเราจะพาน้องหมาขึ้นเครื่องจะมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 วิธี ได้แก่
ซึ่งแต่ละวิธีจะมีเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่างกัน เช่น ใบรับรอง น้ำหนัก หรือต้องนำไปโหลดเป็นสัมภาระ และน้อง ๆ ก็จะไปอยู่ที่ห้องบรรทุกสัมภาระพิเศษ ซึ่งมีอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยง
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะล่าสุด Bark Air เนรมิตให้เราสามารถเดินทางไปพร้อมกับน้องหมาแบบนั่งกันอยู่บนเครื่องได้แล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได้ที่บทความนี้ สปริงรวบรวมมาให้ตั้งแต่ที่มาแนวคิด ระยะทาง ราคา บริการบนเครื่อง เอกสารที่ต้องเตรียม รวมไปถึงเครื่องบินที่ใช้
*หมายเหตุ Bark Air เปิดขายตั๋วไปเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา และจะเริ่มบินเที่ยวแรกวันที่ 23 พ.ค. 67 นี้
ทาง Bark Air ระบุไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทว่า พวกเขาใช้เวลาหลายปีในการพูดคุยกับสายการบินต่าง ๆ ว่าพอจะมีวิธีไหนได้บ้างที่จะไม่ต้องโหลดน้องหมาลงใต้ท้องเครื่อง แต่ก็ไม่มีสายการบินใดเอาด้วยเลย พวกเขาจึงตัดสินใจทำเองมันเสียเลย
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “Bark Air” ทางบริษัทได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Talon Air บริษัทเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ท โดยตั้งโจทย์ว่าความสะดวกสบายของสุนัขต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง คนคืออันดับสอง
Bark Air เผยว่า ปัจจุบันทางบริษัทให้บริการเที่ยวบินแค่ 2 เส้นทางเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นเส้นทางที่สุนัขถูกโหลดใต้เครื่องมากที่สุด อันได้แก่
1.นิวยอร์ก – ลอนดอน (สนามบินเวสต์เชสเตอร์เคาน์ตี – ลอนดอน สแตนสเต็ด)
ราคา: 8,000 เหรียญสหรัฐ / เที่ยว
ระยะเวลาบิน: 7 ชั่วโมง 7 นาที
2.นิวยอร์ก – ลอสแอนเจลิส (สนามบินเวสต์เชสเตอร์เคาน์ตี - แวน นายส์)
ราคา: 6,000 เหรียญสหรัฐ / เที่ยว
ระยะเวลาบิน: 6 ชั่วโมง 11 นาที
*อ้างอิงระยะเวลาจาก skyscanner
สงสัยกันล่ะสิว่า เอ๊ะ...หากไม่โหลดสุนัขไว้ใต้ท้องเครื่องจะวุ่นวายหรือเปล่า บรรยากาศข้างในจะเป็นอย่างไร แล้วลูกเรือมีหน้าที่ทำอะไรบ้างในระหว่างเที่ยวบิน
ขอไล่เรียงไปตั้งแต่จุดเช็กอินแล้วกัน เมื่อเดินทางถึงสนามบิน เรา (เจ้าของหมา) ต้องเดินทางไปเช็กอินแบบส่วนตัวก่อนเครื่องออก 45 นาที โดยทั้งหมาและคนไม่ต้องผ่านระบบสแกนความปลอดภัยด้วยตัวเอง หรือ Transportation Security Administration (TSA)
เมื่อขึ้นเครื่องลูกเรือจะดูแลน้องหมาประหนึ่งแขกวีไอพี กรณีที่มีสุนัขหลายตัวบนเครื่อง ลูกเรือจะคอยทำหน้าที่ให้น้องหมาปรับตัวเข้ากันได้ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
ทุกครั้งที่เครื่องจะ take off หรือ landing ลูกเรือจะเตรียมน้ำที่ทำให้น้องหมาดื่มเพื่อช่วยให้หูของน้องหมาสามารถรับมือและปรับตัวเข้ากับแรงดันในห้องโดยสารได้
ภายในเครื่องบินตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ดี ด้วยหลายปัจจัยเช่น กลิ่น เสียงเพลง หรือสีที่ทำให้สุนัขเงียบสงบ นอกจากนี้ บนเครื่องจะมีขนมไว้ให้สุนัขกินเล่น มีที่อุดหูตัดเสียงรบกวน หรือเสื้อแจคเก็ตที่ทำให้น้องหมารู้สึกอบอุ่น
สำหรับผู้โดยสารที่เป็น “คน” คือ พาสปอร์ต และสำหรับผู้โดยสารที่มี “สี่ขา” สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ คือ
บริษัท Bark Air เปิดเผยกับสำนักข่าว Quartz ว่า จะใช้เครื่องบินของบริษัทพาร์ทเนอร์ ซึ่งก็คือเครื่อง “Gulfstream G550” ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทเครื่องบินสัญชาติอเมริกันอย่าง Gulfstream Aerospace ซึ่งอยู่ในเครือ General Dynamics
เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา Gulfstream G550 เพิ่งทำสถิติให้บริการครบ 1 ล้านเที่ยว ระยะเวลาการบินกว่า 2.6 ล้านชั่วโมง ทั้งนี้ ภายในห้องโดยสารสามารถบรรจุคนได้มากสุด 19 คน ดังนั้น ทาง Bark Air จึงกำหนดว่าจะขายตั๋วไม่เกิน 10 ใบต่อเครื่องบินหนึ่งลำ เพื่อความไม่แออัดของผู้โดยสาร
ทั้งนี้ Bark Air เปิดเผยว่า มีแพลนที่จะขยายเส้นทางให้บริการเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ
แม้จะเป็นเรื่องราวความก้าวหน้า เส้นแบ่งของสัตว์กับเครื่องบินถูกทลายไป แต่คำถามที่ว่า เครื่องบินเจ็ทยังคงเป็นตัวการใหญ่ที่ปล่อยมลพิษออกสู่โลก อุตสาหกรรมนี้จะดำเนินการอย่างไร เพื่อปลอมประโลมโลก...
ที่มา: Business Insider, Bark Air
ข่าวที่เกี่ยวข้อง