แม่ฮ่องสอนวิกฤต! PM 2.5 กระทบสุขภาพรุนแรง วอนประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน

วันนี้ (19 มี.ค. 67)  IQAir องค์กรคุณภาพอากาศจากสวิตเซอร์แลนด์ เผยประเทศไทยติดอันดับ 36 ของประเทศที่มีฝุ่น PM2.5 เข้มข้นที่สุดในโลกจากทั้งหมด 134 อันดับในรายงานคุณภาพอากาศโลกประจำปี 2566

ความเข้มข้นโดยเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ในไทยอยู่ที่ 23.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบกับ 79.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของบังกลาเทศ ซึ่งติดอันดับ 1, 73.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของปากีสถาน ซึ่งติดอันดับ 2 และ 54.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของอินเดีย ซึ่งติดอันดับ 3

ความเข้มข้นเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ในไทยเพิ่มขึ้น 28% ในปี 2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 18.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในปี 2565 เป็น 23.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในปี 2566

ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ในปี 2566 ได้กลับคืนสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 และมีแนวโน้มทุบสถิติปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 24.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อพิจารณาเฉพาะในกรุงเทพจะพบว่า ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยอยู่ที่ 21.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในปี 2566

เดือนก.พ. - เม.ย.เป็นช่วงที่มีมลพิษสูงสุดในปี 2566 โดยตัวเลขฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยรายเดือนสำหรับ 24 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ 53.4 - 106.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ สรุปดังนี้

ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.ปราจีนบุรี จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.อุดรธานี จ.นครพนม จ.หนองบัวลำภู จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด จ.อำนาจเจริญ จ.ชัยภูมิ จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ และ จ. สุรินทร์

ล่าสุด นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือหมอหม่อง อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ คุณหมอที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดมากกว่า 30 ปี และเป็นที่ได้รับความนับถือและรู้จักอย่างดีในวงการอนุรักษ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า 

แม่ฮ่องสอนวันนี้ มลพิษทางอากาศ เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

ทางการสมควรประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินได้แล้ว

เพื่อระดมทรัพยากรจากส่วนกลางเข้าไปช่วยเหลือ ชาวแม่ฮ่องสอน ที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะแก้ไขวิกฤตินี้ได้

อย่างน้อยที่สุด ก็ขอให้ปกป้องกลุ่มเปราะบาง

เด็ก คนป่วย คนชรา

ผมสงสัยเหลือเกินว่า

เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของพวกเขา

คงแผ่วเบาเกินไป ไม่มีใครได้ยิน

จนถูกทอดทิ้งละเลย มาโดยตลอด

ล่าสุด เว็บไซต์ IQAir รายงานคุณภาพอากาศในแม่ฮ่องสอน ระดับมลพิษทางอากาศมีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง ค่า AQI อยู่ที่ระดับ 215

ที่มา : Rungsrit Kanjanavanit