ไม่นานมานี้ จีนหารือดุเดือดทั้งในสภาและบนโลกออนไลน์ หลังมีประเด็นว่าในวันตรุษจีนหรือปีใหม่ควรมีการจุดพลุ-ประทัด หรือไม่ เนื่องจากบางส่วนมองว่า พลุสร้างมลพิษทางอากาศ
จีนจะแบนการใช้พลุ-ประทัด? เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในรัฐสภาของจีนมีการอภิปรายประเด็นบนโลกออนไลน์ถึงวาระ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าควรใช้ดอกไม้ไฟหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นร้อนแรงและบังคับได้ยาก สำหรับประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของพลุประทัด
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวมีขึ้น เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและระเบียบความปลอดภัยจากอัคคีภัย แม้ว่าในปี 2560 ทางการได้ระบุว่า มี 444 เมืองออกนโยบายสั่งห้ามจุดพลุดอกไม้ไฟ ซึ่งบางเมืองก็ได้ปรับตัวด้วยการลดปริมาณของพลุลง และอนุญาตให้มีการเล่นพลุประทัดหรือโชว์ดอกไม้ไฟในพื้นที่และเวลาที่จำกัด
อย่างไรก็ตาม กำลังจะขึ้นปีใหม่แล้ว ประเด็นนี้ได้กลับมาถูกถกเถียงอีกครั้ง มีการทำแบบสำรวจบนโลกออนไลน์โดย Beijing Youth Daily เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 80% สนับสนุนให้มีการจุดดอกไม้ไฟในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญในปฏิทินจีน
แต่บางความเห็นนั้นไม่เห็นด้วย จากการสำรวจในสื่อออนไลน์ของจีน Weibo บางความคิดเห็นกล่าวว่า
“เรามีสิทธิ์ที่จะจุดพลุ”
“พลุไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น”
บางส่วนก็ออกมาปกป้องในประเด็นของสิ่งแวดล้อม
“พลุควรได้รับการควบคุมเนื่องจากมีมลพิษและเสี่ยงเกิดอันตรายจากไฟไหม้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พิธีเปิดเอเชียนเกมส์ 2023 ในจีน ไม่ใช้พลุจริง แต่ใช้ CG ล้วน เพื่อสิ่งแวดล้อม
กระดาษห่อของขวัญ การ์ดอวยพร ใช้ไม่กี่นาที อาจสร้างขยะยาวไปถึงดวงจันทร์
อย่างไรก็ตาม ตามตำนานของจีน ดอกไม้ไฟเก่าแก่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อราว ๆ 2,000 ปีก่อน เพื่อขับไล่ “เหนียน” สัตว์ในตำนานที่ออกล่ากินคนและสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านเป็นอาหาร ซึ่งมันมักจะโผล่มาในวันตรุษจีนหรือเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
แต่วันหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีผู้หนึ่งปรากฏตัวและบอกกับชาวบ้านว่าจะขับไล่สัตว์ตัวนี้ให้ เขาประดิษฐ์พลุขึ้น เสียงที่ดังได้ขับไล่ เหนียนออกไปจากหมู่บ้าน ตั้งแต่นั้นมาดอกไม้ไฟก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองเรื่อยมา
ที่มาข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง