คอลัมน์ Keep The World ได้พูดคุยกับคุณสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ WHAUP ใช้กลยุทธ์อะไรในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
จากกลางปี 2566 ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยถึงจุดสิ้นสุดสภาวะโลกร้อน และก้าวเข้าสู่สภาวะโลกเดือดอย่างเป็นทางการ ล่าสุดในการประชุม COP29 ซึ่งปิดฉากไปเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าปัจจุบันวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากทุกประเทศไม่ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมีนัยสำคัญ โลกอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายใน ‘ความตกลงปารีส’ (Paris Agreement) ที่พยายามควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสก่อนยุคอุตสาหกรรม
ดังนั้น การแก้ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อีกต่อไป ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มกำลัง
ปัจจุบันภาคธุรกิจเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งจากในและนอกประเทศ ในเรื่องการนำความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น CBAM, RE100 และในอนาคตหากร่างพ.ร.บ.สภาพการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศถูกประกาศใช้เป็นกฎหมาย ภาคธุรกิจจำเป็นต้องรายงานการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างละเอียด และต้องจัดทำรายงานความยั่งยืน (ESG Report) ให้ทุกคนสามารถเข้าถึง และตรวจสอบได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเป็นเทรนด์ที่ภาคธุรกิจมีการนำ ESG มาปรับใช้เข้ากับกลยุทธ์ของบริษัท และยึดแนวทางนี้เป็นเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจในยุคโลกเดือด
หนึ่งข้อมูลที่ยืนยันเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดีคือ รายงานจาก UN Global Compact ที่ได้สำรวจความคิดเห็นของซีอีโอทั่วโลก จำนวน 1,232 ราย จาก 113 ประเทศ เกี่ยวกับเตรียมการของภาคธุรกิจเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พบว่ากว่า 70% มองว่าเอกชนต้องปรับกลยุทธ์ และแนวทางการดำเนินธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า ธุรกิจสีเขียว (Green Business)
ประเทศไทยเริ่มให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมากขึ้น โดย WHA Group เป็นตัวอย่างองค์กรที่นำโซลูชันด้านความยั่งยืนมาปรับใช้ผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน โดยเฉพาะ WHAUP ที่โดดเด่นในการให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองในแนวทางของการดำเนินการธุรกิจอย่างยืน
SPRiNG ชวนสำรวจแนวคิดของ WHAUP ซึ่งได้เปิดวิสัยทัศน์ และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายในงาน WHA Open House 2024: Explore, Discover, Shape the Future หมายถึง การสำรวจ ค้นพบ และร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการเปิดบ้านครั้งแรกของ WHA Group
ไปดูกันหน่อยว่าการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืนทำอย่างไร ภาคธุรกิจเผชิญกับความท้าทายด้านใดบ้าง และในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเฟื่องฟู WHAUP นำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจอย่างไร ให้ตอบโจทย์ลูกค้า โอบรับสังคม และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไปพร้อม ๆ กัน
คุณสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เล่าให้ SPRiNG ฟังว่า บริษัทติดตามเมกะเทรนด์ของโลกอยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทัน และตอบโจทย์การพัฒนาธุรกิจ โดย เทรนด์ที่ WHAUP มองเห็นคือเรื่อง การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและดิจิทัล
“หลายคนอาจได้ยินเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่โอกาสที่เกิดขึ้นคือการกระจายฐานการผลิตเข้ามาในแถบภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยและเวียดนาม ที่กำลังได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม ทำให้เป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดจีน”
“อย่างในช่วงวิกฤตโควิด-19 เรามองว่าเป็นเพียงปัญหาชั่วคราว แต่การวางแผนทางธุรกิจเรามองถึงเทรนด์ระยะยาวของโลก จึงไม่หยุดการลงทุนแต่เราเตรียมตัว วางรากฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
“ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ได้กำหนดมาตรการและกฎระเบียบที่เน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ส่งผลให้บริษัทที่เข้ามาลงทุนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามหลัก ESG ซึ่งเราได้เตรียมความพร้อมในด้านนี้ไว้แล้ว”
ทั้งนี้ คุณสมเกียรติยังชี้ให้เห็นอีกว่าเทรนด์โลกปัจจุบันส่งผลให้ความต้องการน้ำ และไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ และ Data Center บริษัทชั้นนำระดับโลกต่างๆ จึงมุ่งแสวงหาพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการและยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงานของ WHAUP
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเรื่อง การพัฒนาของเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งคุณสมเกียรติ เปิดเผยว่า “ระบบภายในเอง เรามองว่าระบบดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญ มันต้องเปลี่ยนทั้งองค์กร เราจะทำยังไงที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของคนให้สูงขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต การทำธุรกิจที่รวดเร็ว และมีความสะดวกเพิ่มขึ้น”
ภายใต้ WHA Group ที่กำลังมุ่งสู่กการเป็น Tech and Sustainable Company ที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ไปดูกันดีกว่าว่าในส่วนของ WHAUP มีการใช้นวัตกรรมเจ๋ง ๆ อะไรบ้าง
ระบบตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เซลล์ และเมื่อเจอแผลเร็วก็สามารถรักษาได้ทันท่วงที ไม่เกิดความเสียหายเพิ่ม พร้อมทั้งการเก็บข้อมูลเพื่อคำนวณระยะเวลาในการบำรุงรักษา เพื่อเป็นการปัองกันการสูญเสียโอกาสและให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างสูงสุด
ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า เพื่อการวางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงานและวางแผนการซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ Data Analytics ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการสูญเสีย และสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
คือ ศูนย์กลางแสดงข้อมูลการปฏิบัติการต่าง ๆ ของ WHA Group มาใช้งานเพื่อรวบรวม บูรณาการ และแสดงผล จากระบบตรวจสอบเฝ้าระวังในโครงการและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งนี้ระบบ UOC นั้นเพื่อรองรับการตรวจวัดสถานะ ทั้งระบบผลิตสาธารณูปโภค ระบบการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น โดยแสดงข้อมูลรตามเวลาจริง (Real-time) มีการนำเทคโนโลยี อาทิ โดรน AI หรือ Machine Learning เข้ามาช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ได้มากขึ้นโดยใช้กำลังพลและระยะเวลาที่ลดลง
ในกรณีนี้ คุณสมเกียรติเล่าให้กับ SPRiNG ฟังว่า “เราเชื่อมโดรนเข้ากับระบบออนไลน์ ดังนั้น เราสามารถใช้ โดรนสำรวจดูได้ว่าแผงโซลาร์เซลล์สามารถทำงานได้ตามปกติหรือไม่ หากเกิดปัญหา เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปแก้ปัญหาได้ตามความจำเป็น แตกต่างจากสมัยก่อนที่ต้องใช้คนไปซ่อม และบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาซึ่งบางครั้งยังไม่จำเป็นต้องเข้าไปบำรุงรักษา”
นี่คือยุคสมัยแห่งพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ตามข้อมูลของ Ember Climate องค์กรอิสระด้านพลังงานระดับโลก ระบุว่า ในปี 2543 ทั่วโลกมีอัตราการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 19% จนมาพีคถึง 30% ในปี 2566 สรุปได้ว่า ภาคธุรกิจ หรือบรรดาอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ หันมาใช้ และลงทุนกับพลังงานสะอาดมากขึ้น
WHAUP ในฐานะผู้ให้บริการด้านสาธารณูปโภค และพลังงานจึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในไทย ซึ่งตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา บริษัทก็ได้ผุดโครงการมากมายเพื่อผลักดันเรื่องความยั่งยืน รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดให้เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งในปัจจุบัน WHAUP ได้ขยายการให้บริการไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA
แน่นอนว่าหลังจากนี้เทรนด์เรื่อง “เทคโนโลยี และความยั่งยืน” จะเกาะติดเป็นเพื่อนซี้กับภาคธุรกิจไปอีกพักใหญ่ ๆ น่าสนใจมากว่า WHAUP ในฐานะผู้นำผู้ให้บริการสาธารณูปโภค และพลังงาน จะมุ่งไปข้างหน้าอย่างไรต่อ มีแผนลงทุนในเทคโนโลยีใดเพิ่มเติมหรือไม่?
คุณสมเกียรติ เปิดเผยว่า “เทคโนโลยีเกี่ยวกับน้ำและไฟฟ้าก็มีใหม่อยู่เรื่อย ๆ อย่างกรณีไฟฟ้า เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปค่อนข้างเร็ว เอาแค่โซลาร์เซลล์ก็ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ สมัยก่อนขนาด 1 เมกะวัตต์ ใช้เนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ เดี๋ยวนี้ใช้เนื้อที่แค่ประมาณ 6-7 ไร่ ประหยัดพื้นที่ได้ครึ่งต่อครึ่ง”
“แถมประสิทธิภาพการทำงานก็ดีขึ้นตามลำดับ และในอดีตโซลาร์เซลล์ยังถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำ แต่ต้นทุนค่อนข้างสูง 1 เมกะวัตต์ ใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาท เดี๋ยวนี้ไม่ถึง 20 ล้าน ต้นทุนถูกลงไปค่อนข้างมากทำให้ผู้ใช้งานได้ประโยชน์จากต้นทุนทางด้านพลังงานที่ราคาลดลง”
“ในอนาคตก็คาดว่ามันจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ในวันนี้เราพูดกันถึงเรื่องพลังงานไฮโดรเจน, ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS), เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) แม้แต่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่าง Small Modular Reactor (SMC) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้นับวันยิ่งมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ในส่วน WHAUP เราก็จับตาเมกะเทรนด์อยู่เสมอ แต่เทคโนโลยีไหนมีความเหมาะสม ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง”
ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ WHAUP พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในฐานะผู้ให้บริการด้านสาธารณูปโภค และพลังงาน ส่งมอบความยั่งยืนให้กับลูกค้า และอุตสาหกรรมต่าง ๆ การันตีด้วย 2 รางวัลสำคัญ ได้แก่ รางวัล Outstanding Innovative Company Awards ภายในงาน SET Awards 2021 ด้านนวัตกรรม : Demineralized Reclaimed Water : แหล่งน้ำทางเลือกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และรางวัล Best Innovative Company Awards ด้านนวัตกรรม Peer-to-Peer Energy Trading: Future of Energy Market: ระบบโครงข่ายซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่อุตสาหกรรม ภายในงาน SET Awards 2022
SPRiNG สรุปการเดินทางของ WHAUP ว่า การเดินทางของ WHAUP แสดงให้เห็นว่า เมื่อองค์กรหรือธุรกิจโอบรับความยั่งยืนมาปรับใช้อย่างจริงจัง การทำ CSR และการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เพียงภาระ แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ เมื่อความยั่งยืนถูกประทับไว้ในการดำเนินงาน การดึงดูดนักลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขณะเดียวกัน ธุรกิจยังสามารถส่งต่อแนวคิดด้านความยั่งยืนไปสู่ลูกค้า สร้างระบบนิเวศที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อให้โลกน่าอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง