SHORT CUT
ขยายพลังงานสะอาด ลุยดึง AI ขับเคลื่อนองค์กรมุ่งสู่เป้าหมาย Tech Company ภายในสิ้นปี 67
สุดปัง! ปี 2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 17,015 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% (Y-Y)
WHA เปิดแผนลุย “Green Logistics” เต็มสูบพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะขยายพลังงานสะอาด ลุยดึง AI ขับเคลื่อนองค์กรมุ่งสู่เป้าหมาย Tech Company ภายในสิ้นปี 67
เศรษฐกิจไทยต้องอาศัยการลงทุนใหม่ๆจากภาคเอกชนทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กระเตื้องขึ้น สำหรับการลงทุนสิ่งแรกที่จะดึงดูดนักลงทุนคือสิ่งอำนวยความสะดวก และโครงสร้างพื้นฐานต้องพร้อมที่สุด ถึงจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนอยากเข้ามาลงทุน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คือ อีกหนึ่งฟันเฟืองที่ดำเนินธุรกิจภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการต่างๆในโครงสร้างพื้นฐานนิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทย อีกทั้งยังไปลงทุนยังต่างชาติอีกด้วย
จากการที่ WHA เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องจึงทำให้ WHA Group ทะยานสู่ All Time High สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นหมายถึงบทพิสูจน์ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา โดยปี 2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 17,015 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% (Y-Y) แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 17,003 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติ 4,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% (Y-Y)
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานในปี 2566 ตอกย้ำถึงความสำเร็จจากความมุ่งมั่นของการเป็นผู้นำใน 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดย นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ในนี้ 2567 นี้ WHA Group พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติสู่การสร้าง สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาประเทศชาติ ภายใต้งบลงทุน 78,700 ล้านบาท ผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจ ใน 5 ปี (2567-2571) ภายใต้พันธกิจ WHA : WE SHAPE THE FUTURE The Ultimate Solution for Sustainable Growth
ทั้งนี้จะเดินหน้าธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2567 บริษัทเน้น Green Logistics ซึ่งบริษัทจะมีการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชันที่รวมบริการต่างๆ (Super Driver App) สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจ อาทิ การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) และการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming) เป็นต้น คาดว่า Super Driver App พัฒนาแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ค.2567 เพื่อมุ่งสู่การสนับสนุนและเร่งการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคขนส่งของประเทศ
โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในส่วนของปิกอัพและหัวลาก เพิ่มอีก 1,100 คัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท แต่ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้เข้ามาทันทีประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท และมีกำไรตั้งแต่ปีแรกในปีนี้ จากปี 2566 มีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 25 คัน
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 2567 เดินหน้าพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) โดยขยายขีดความสามารถให้ครอบคลุม 6 องค์ประกอบสำคัญ คือ Smart Services, Smart Mobility, Smart Communication, Smart Power, Smart Water และ Smart Security ภายใต้การบริหารจัดการโดยศูนย์ควบคุมกลาง Unified Operation Center (UOC) และต่อยอดการเป็น Total Solutions Partner ให้กับลูกค้าด้วยการให้บริการแบบครบวงจร
ในส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานปี 2567 ในส่วนของสาธารณูปโภค (น้ำ) บริษัทยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Artificial Intelligence (AI) มาสร้างระบบ Smart Water Platform รวมถึง Smart Meter (OCR) ระบบ SCADA และศูนย์ควบคุม UOC ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมุ่งพัฒนาการให้บริการใหม่ๆ ที่ครบวงจร พร้อมนำกระบวนการ Reverse Osmosis (RO) มาใช้เป็นมาตรฐานการจัดการการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในนิคมอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตามในส่วนของพลังงาน เน้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Solar Rooftop ที่ บริษัท ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) จำกัด กำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 24.2 เมกะวัตต์ Solar Carpark บนหลังคาที่จอดรถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) โดยมีพื้นที่หลังคารวม 59,000 ตารางเมตร กำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 7.7 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังมี Floating Solar โดยโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของบ่อเก็บน้ำดิบ ภายในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ที่มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (AAT) กำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 8 เมกะวัตต์
“เราอยากทำโครงการต่างๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้น ต้องการใช้พลังงานทดแทน 100% ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าหลายราย โดยลูกค้าได้ประโยชน์ในส่วนของค่าไฟที่ถูกลง และตอบโจทย์เรื่อง Green Energy ด้วย”
สุดท้ายธุรกิจดิจิทัลในปี 2567 บริษัทเดินหน้าในการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนองค์กร ทั้ง AI & ML Data Insight, AI Cybersecurity และ Generative AI เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Technology Company ภายในสิ้นปี 2567
ทั้งหมด คือ เรื่องราวของ WHA บริษัทหนึ่งที่มีความน่าสนใจในเรื่องของแผนการลงทุนใหม่ๆ รวมถึงแผนความยั่งยืนที่น่าสนใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
WHA Group ปิดดีล "ฉางอาน ออโต้" ตั้งโรงงานผลิตรถ EV มูลค่ากว่า 8,862 ล้านบาท
รถยนต์ไฟฟ้า คึกคัก 26 ต.ค.วันเดียว ทั้ง EV Expo 2023 และ WHA ประกาศจับมือ ฉางอัน
WHA Group แต่งตั้ง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" นั่งประธานแทน "จรีพร"