จีนแชมป์พลังงานสะอาด! สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ 2 ใน 3 ของโลก

เกือบ 2 ใน 3 ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่กำลังสร้างใหม่บนโลกเป็นของจีน

โลกของเรากำลังมุ่งหน้าเปลี่ยนผ่านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีจีนเป็นผู้นำ เพราะรายงานล่าสุดชี้ว่า เกือบ 2 ใน 3 ของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่กำลังสร้างใหม่บนโลกใบนี้ เป็นของประเทศจีน ขณะที่สหรัฐฯตามหลังมาเป็นอันดับสอง

รายงานของ Global Energy Monitor ซึ่งเผยแพร่วันที่ 11 ก.ค. ชี้ว่า เกือบ 2 ใน 3 ของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างบนโลกใบนี้ เป็นของประเทศจีน โดยปัจจุบัน จีนกำลังก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพรวมกัน 339 กิกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 159 กิกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ 180 กิกะวัตต์ 

ผลการศึกษายังระบุว่า ตัวเลขเหล่านี้ของจีน สูงกว่าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโครงการใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งตามมาเป็นอันดับสองของโลก ถึงแปดเท่า 

ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของจีนส่งผลทำให้โลกของเราอาจจะบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้ได้สามเท่า ภายในสิ้นปี 2030 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะไม่มีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำมากกว่านี้ก็ตาม 

รัฐบาลจีนกำลังใกล้จะบรรลุเป้าหมายติดตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้ได้ 1,200 กิกะวัตต์ภายในเดือนนี้ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลจีนทำสำเร็จ เท่ากับว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายก่อนหน้าระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้ถึง 6 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังงานสะอาดจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในจีน แต่ก็ยังคงมีความท้าทายรออยู่ เนื่องจากจีนก็ยังคงต้องพึ่งพาพลังงานจากถ่านหิน และต้องมีการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลแบบดั้งเดิมไปยังพลังงานสะอาดแบบใหม่ให้รวดเร็วกว่านี้

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 53 เปอร์เซ็นต์ของไฟฟ้าในประเทศจีนมาจากถ่านหิน แต่นับเป็นตัวเลขต่ำที่สุดแล้วโดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2023 ซึ่งสัดส่วนของถ่านหินอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ 

ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม 2024 อีก 44 เปอร์เซ็นต์ของไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยแบ่งออกเป็น 12 เปอร์เซ็นต์มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ 11 เปอร์เซ็นต์มาจากพลังงานลม ส่วนพลังน้ำอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานนิวเคลียร์ 5 เปอร์เซ็นต์

ด้วยความที่ พลังงานสะอาดมีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคส่วนพลังงานในประเทศจีน ซึ่งคิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด จึงลดลง 3.6 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

ที่มา : reuters