SHORT CUT
บันเทิงแล้วงานนี้...ผู้ใช้รถ EV ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า พวกเขาไม่แฮปปี้กับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากขับไปนานเข้า ๆ มันทำให้พวกเขาเกิดอาการมึนหัว เวียนศีรษะ พร้อมเผยว่า ขอกลับไปขับรถสันดาปเหมือนเดิมดีกว่า
รถยนต์สันดาปมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมความนิยมลง เนื่องจากปัจจุบัน โลกเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ข้อมูลเผยว่า รถยนต์สันดาปปล่อยก๊าซคาร์บอนกว่า 4.6 เมตริกตัน/ปี ดังนั้น รถยนต์ EV จึงถือเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่จะปูทางไปสู่โลกที่ปลอดมลพิษ
แต่จะไปสำคัญอะไร หากรถ EV ทำให้คนขับเกิดอาการมึนหัว คลื่นไส้ บางรายอ้างถึงขั้นว่าเลือดกำเดาไหล แถมยังปวดเมื่อยตามร่างกาย พร้อมประกาศกร้าวว่า รถยนต์สันดาปดีกว่าเยอะ แถมไม่มึนหัวเลยสักนิด
เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Daily Mail เป็นการรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้รถ EV ที่เป็นไปในทางเดียวกันคือ “บ่น” ส่วนใหญ่บอกว่ารถยนต์ EV มันดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะขับไปนานเข้า ๆ มันชวนมึนหัว คลื่นไส้ แถมกลับบ้านมาก็ปวดเมื่อยไปตามตัว
แอคเคาท์ Livingwellwithelle เปิดเผยว่า ตอนแรกเธอนึกว่ารู้สึกเองอยู่คนเดียว เพราะเธอและสามีใช้เวลาอยู่บนรถหลายชั่วโมงต่อวัน แต่พอถามสามี สามีก็รู้สึกแบบเดียวกัน เธอจึงลองกลับไปขับรถยนต์สันดาปของแม่ ปรากฏว่าอาการดังกล่าวก็หายไปหมด
ความบังเอิญอีกหนึ่งเปราะคือ เมื่อเธอตัดสินใจขายรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านไป 5 เดือนอาการมึนหัวที่บอกไปก็ไม่กลับมากวนใจอีกเลย มันจริงหรือที่ว่า...ขับรถ EV ไปนาน ๆ จะเวียนหัว คุณเป็นไหมมาแชร์กันหน่อย
เอ็ด คิม หัวหน้านักวิเคราะห์ของออโต้แปซิฟิก กล่าวกับสำนักข่าว เอบีซี นิวส์ ว่า “ไม่แปลกเลยที่คนจะบ่นรถยนต์ EV กัน เพราะระบบเบรกและการเหยียบคันเร่งที่ฉับพลันเกินไป มันชวนมึนหัวจริง ๆ”
นอกจากปัญหาเชิงกายภาพแล้ว คนขับรถ Tesla Model Y ก็ตบเท้าออกมาแชร์อีกว่าระบบปรับอากาศของ Tesla ทำให้เกิดเชื้อราในรถ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการหอบหืด แถมในวันที่ฝนตก กลิ่นในรถก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
อย่างไรก็ดี องค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐฯ เปิดเผยกับ Daily Mail ว่า “ยังไม่มีการร้องเรียนเรื่องเมารถ หรือมึนหัวจากการขับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้”
เสริมข้อมูลเล็กน้อยว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยที่พูดถึงเรื่องการขับรถ EV กับผลกระทบต่อสุขภาพ
ที่มา: Daily Mail
ข่าวที่เกี่ยวข้อง