ยอดจดทะเบียน "รถบรรทุกEV" ป้ายแดงพุ่ง สูงขึ้น 1,020% ใน 1 ปี
พามาเปิดยอดจดทะเบียน "รถบรรทุกEV" ป้ายแดงพุ่ง สูงขึ้น 1,020% ใน 1 ปี ปัจจัยมาตรการ CBAM สหภาพยุโรป บีบบังคับให้ภาคธุรกิจต้องรักษ์โลก
พลังงานสะอาด คือหนึ่งสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจในยุคนี้ โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายรถ ที่ปัจจุบันเดินเกมการตลาดใหม่มุ่งสู่รถยนต์ EV และปัจจุบันไปไกลถึง รถบรรทุกEV แล้ว และแนวโน้มมาแรงเลยทีเดียว เห็นได้จากตัวเลขจาก นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าปัจจุบันประชาชนนิยมซื้อรถในรูปแบบไฮบริด ถือว่าประเทศไทยได้เริมผลิตมามากว่า 10 ปีแล้ว เพราะสามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศให้กับประเทศไทย รวมการผลิตที่ 5 หมื่นคัน
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งปี 2567 คาดว่าจะผลิตมากขึ้น หลายบริษัทที่นำเข้ามาตั้งแต่ปี 2565-2566 ที่รับสิทธิประโยชน์กับรัฐบาลจะต้องเริ่มผลิตในประเทศไทยในปี2567 สำหรับรถบรรทุกไฟฟ้า มีการจดทะเบียนมากขึ้น มีจำนวน 303 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ที่ 1,065.38% ถือว่าเติบโตมาก
ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) จะทำให้ยอดขายดีขึ้น เพราะต้องบรรทุกสินค้าส่งไปที่อียู เข้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอน
อย่างไรก็ตามจำนวนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยประจำเดือนธ.ค. 2566 มีทั้งสิ้น 133,621 คัน ลดลงจากเดือนธ.ค. 2565 ที่ 5.75% เพราะผลิตขายในประเทศลดลงถึง 29.94% โดยเฉพาะรถกระบะที่ผลิตลดลงถึง 41.30% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะ เพราะหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90.6% ของ GDP
สำหรับความเคลื่อนไหวธุรกิจรถบรรทุกEV ปี2566 ที่ผ่านมา ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด (CP FOTON) เปิดตัวรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว ซึ่งมีหลากหลายรุ่นทั้งขนาดเล็กจนถึงรถสิบล้อหัวลาก โดยเป็นใช้พลังงานไฟฟ้า 100% มีทั้งรถบรรทุก 4 ล้อ, 6 ล้อ และรถหัวลาก 10 ล้อ พร้อมทั้งขยายให้ตัวแทนได้จำหน่ายทั่วไทย
จุดเด่นของ ซีพี โฟตอน นั้นจะมีสามารถช่วยให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นเวลานาน จะใช้การสลับแบตเตอรี่ตามสถานีต่างๆ หรือเรียกว่าการ Swap Battery นั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานี นอกจากความสะดวกแล้วจะช่วยทำให้ทางซีพี โฟตอน สามารถควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและการผลิตได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
รถบรรทุกไฟฟ้าเชิงพาณิชย์นี้หากถูกใช้อย่างแพร่หลายจะช่วยทั้งทำให้ประเทศไทยมีค่าขนส่งถูกลง และยังช่วยลดมลพิษและลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นจำนวนมาก
ที่มา : cpfoton , สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
