svasdssvasds

ยุคน้ำแข็งครั้งต่อใปจะมาในอีก 1 หมื่นปี แต่อาจถูกขวางจากโลกร้อน

ยุคน้ำแข็งครั้งต่อใปจะมาในอีก 1 หมื่นปี แต่อาจถูกขวางจากโลกร้อน

ยุคน้ำแข็งของโลกควรจะเกิดขึ้นในอีก 10,000 ปีข้างหน้านี้ แต่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อโลกในระยะยาว

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า โลกของเราได้ผ่านวัฏจักรของความร้อนและความเย็น เข้าสู่ยุคน้ำแข็งและผ่านพ้นยุคน้ำแข็งละลายมาโดยตลอด จนเกิดเป็นวัฏจักรสภาพอากาศตามธรรมชาติของโลกซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลง 3 ประการ คือ ความเอียงของโลก การเอียงตัวของแกนหมุน และรูปร่างของวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ เรียกรวมกันว่า วัฏจักรมิลานโควิช ( ตามชื่อนักฟิสิกส์ชาวเซอร์เบียในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ชื่อมิลูติน มิลานโควิช )

ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างแบบจำลองบันทึกข้อมูลแผ่นน้ำแข็งและอุณหภูมิของมหาสมุทรลึกในรอบล้านปีด้วยความแม่นยำที่มากพอที่จะช่วยให้สามารถคำนวนช่วงต่างๆ ในวัฏจักรมิลานโควิชได้ พวกเขาพบว่ามีรูปแบบที่คาดเดาได้ในช่วงล้านปีที่ผ่านมา สำหรับช่วงเวลาที่สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงระหว่างช่วงยุคน้ำแข็งและช่วงที่มีอากาศอบอุ่นเช่นในปัจจุบัน

ยุคน้ำแข็งครั้งต่อใปจะมาในอีก 1 หมื่นปี แต่อาจถูกขวางจากโลกร้อน

ด้วยการคำนวนดังกล่าว ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่า ยุคน้ำแข็งครั้งต่อไปของโลกจะเกิดขึ้นในอีก 10,000 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้นอาจจะคงอยู่ยาวนานจนสามารถป้องกันไม่ให้ยุคน้ำแข็งครั้งต่อไปเกิดขึ้นได้

โดยนักวิจัยระบุว่า “การเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาวะน้ำแข็งในอีก 10,000 ปีข้างหน้านี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์ปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศได้ทำให้สภาพภูมิอากาศเบี่ยงเบนไปจากวิถีธรรมชาติแล้ว ซึ่งมีผลกระทบในระยะยาวในอนาคต”

ยุคน้ำแข็งครั้งต่อใปจะมาในอีก 1 หมื่นปี แต่อาจถูกขวางจากโลกร้อน

ขณะที่ความสามารถในการคาดเดารูปแบบวัฏจักรที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ยังทำให้พวกเขาสามารถสร้าง 'เส้นฐาน' ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกในระยะยาวในอีก 20,000 ปีข้างหน้า ซึ่งการดำเนินงานขั้นตอนต่อไปของพวกเขา คือการพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้เบี่ยงเบนสภาพอากาศตามธรรมชาติไปจากเส้นฐานนั้นอย่างไรบ้าง เพื่อให้สามารถวัดผลกระทบของภาวะโลกร้อนอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน ซึ่งจะกำหนดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในอนาคต