หน่วยงานสภาพอากาศของยูเอ็นรายงาน ค่อนข้างแน่ชัดว่าปีนี้อุณหภูมิโลกจะร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก ท่ามกลางความกังวลต่อภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น
จากรายงานล่าสุดของโครงการสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส หรือ Copernicus Climate Change Service เผย ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ปี 2024 จะร้อนยิ่งกว่าปี 2023 และมีแนวโน้มจะทำลายสถิติปีโลกที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นมากที่สุด เท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ เว้นแต่ว่าความผิดปกติของอุณภูมิในช่วงที่เหลือของปีจะลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า สภาพอากาศทั่วโลกกำลังจะร้อนขึ้น แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็อุ่นขึ้นเช่นกัน ทำให้ปี 2024 กลายเป็นปีแรกที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนอุตสาหกรรมระหว่างปี พ.ศ. 2393-2443 แน่นอนว่าสาเหตุหลักคือกการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
พวกเขายังเรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ที่เข้าร่วมการประชุม COP29 สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในแต่ละประเทศ ขณะที่ข้อตกลงปารีสอาจจะสูญเปล่า เนื่องจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศของทั่วโลกนั้นล่าช้าเกินไป จนอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.5 องศาเซลเซียสในอีกหลายสิบปีข้างหน้าได้
อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังสร้างความกังวลต่อการเกิดสภาพอากาศเลวร้าย เห็นได้ชัดเจนจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งน้ำท่วมฉับพลันที่คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยในสเปน ไฟป่าครั้งใหญ่ลุกลามไปทั่วเปรู น้ำท่วมในบังกลาเทศทำลายข้าวไปมากกว่า 1 ล้านตัน และพายุเฮอริเคนที่พัดถล่มสร้างความเสียหายในสหรัฐฯ
รายงานของโคเปอร์นิคัสถูกเผยแพร่เพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติ หรือ COP29 ซึ่งประเทศต่างๆ จะพยายามหารือกันเรื่องการเพิ่มเงินทุนมหาศาลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ความคาดหวังต่อการเจรจาลดน้อยลง