SHORT CUT
ฝนที่ตกไม่เพียงพอในช่วง 2 ปี ทำให้ปริมาณน้ำทั่วลุ่มน้ำอเมซอน ลดลงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในหลายประเทศ
ลุ่มน้ำอเมซอนกำลังเผชิญภัยแล้งที่ทำให้แม่น้ำสายต่างๆ รวมถึงน้ำใต้ดิน มีระดับน้ำต่ำเป็นประวัติการณ์ในเดือนตุลาคม ทั้งยังส่งผลให้เกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น พืชผลแห้งแล้ง ก่อให้เกิดปัญหาในระบบขนส่ง และการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำต้องหยุดชะงักในบางส่วนของบราซิล โบลิเวีย โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู และเวเนซุเอลา
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2024 ข้อมูลมาตรวัดระดับน้ำจากบริการธรณีวิทยาของบราซิลระบุว่าระดับน้ำของแม่น้ำโซลิโมเอสลดลงคงเหลือเพียง 254 เซนติเมตร ต่ำกว่าระดับศูนย์ของมาตรวัด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นถึงปริมาณน้ำที่แตกต่างจากช่วงเวลาปกติอย่างชัดเจนด้วย
ศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยภัยธรรมชาติของบราซิล (CEMADEN) ระบุว่า พื้นที่ที่มีอุณหภูมิอุ่นผิดปกติในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ อาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบของฝนและทำให้เกิดภัยแล้งที่มีความรุนแรงสูงกว่าที่เคยพบในปี 2558-2559 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงเกือบสองเท่า”
ภัยแล้งที่เกิดขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อหลายด้าน กระเทยทำให้แหล่งพลังงานในบราซิลและเอกวาดอร์สั่นคลอน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง ระบบคมนาคมขนส่งที่ขาดตอนและแม่น้ำที่สัญจรไม่ได้ ยิ่งทำให้ชุมชนบางแห่งประสบปัญหาในการจัดหาแหล่งพลังงาน และอาาจต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้
CEMADEN ระบุว่าภัยแล้งครั้งนี้เป็นภัยแล้งที่รุนแรงและมีขอบเขตกว้างที่สุดที่บราซิลเคยประสบมา การอัปเดตสถานการณ์ภัยแล้งที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมระบุว่า จำนวนเทศบาลของบราซิลที่เผชิญกับภัยแล้งรุนแรงมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจาก 216 แห่ง ในเดือนกันยายน เป็น 293 แห่งในสิ้นเดือนตุลาคม
ที่น่ากังวลที่สุดคือสถานการณ์ไฟป่าที่จะรุนแรงขึ้นกว่าปกติ โดยมีการคาดการณ์ว่าอเมซอนจะเผชิญกับสภาวะไฟป่าที่รุนแรงในปีนี้ โดยเฉพาะบริเวณบราซิลตอนใต้ ปารากวัย และโบลิเวีย ที่ต้องประสบกับฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษ และยังมีสัญญาณภัยแล้งที่รุนแรงทางตอนเหนือในเปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา และบราซิลตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของแม่น้ำหลายสายที่แห้งขอดในอเมซอนตอนกลาง