ฝนตกหนักในยุโรปจนน้ำท่วมหลายประเทศ นักวิทย์ชี้เพราะโลกร้อน

World Weather Attribution หรือ WWW เปิดเผยว่า หนึ่งในสี่วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีฝนตกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในยุโรปตอนกลาง และดูเหมือนว่า ปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ  ถ้าหากมองในแง่ดีก็คือ ยุโรปมีการพยากรณ์อากาศล่วงหน้าที่ดี หมายความว่า บางพื้นที่มีการเตรียมความพร้อมรับมือล่วงหน้า ซึ่งทำให้หลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของผู้คนได้ 

บรรดานักวิทยาศาสตร์ของ WWW ค้นหาว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีบทบาทเช่นไรต่อการเกิดสภาพอากาศอันสุดโต่ง โดยเปรียบเทียบกับโมเดลที่สมมติว่า สถานการณ์พายุ ภัยแล้ง และคลื่นความร้อนจะเป็นเช่นไรบนโลก หากมนุษย์ไม่ได้เริ่มเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเกือบสองร้อยปี ซึ่งผลลัพธ์จากโมเดลแสดงให้เห็นว่า ฝนหนักขนาดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น 

แต่ถ้าหากมนุษย์มาทำอะไรสักอย่างเรื่องแก้ปัญหาสภาพอากาศ ปัญหาโลกร้อนก็อาจจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นราว 3 องศาเซลเซียสภายในสิ้นสุดศตวรรษนี้

เฟรเดอริก ออตโต นักวิชาการอาวุโสด้านวิทยาศาสตร์สภาพอากาศ วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน และผู้ร่วมวิจัยชี้ว่า เราอาจจะได้เห็นอะไรที่มากกว่านี้ด้วยซ้ำไปในอนาคต 

ยุโรปเป็นภูมิภาคที่ร้อนเร็วที่สุดบนโลกใบนี้ โดย 5 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยร้อนขึ้นราว 2.3 องศาเซลเซียสจากช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 ปัญหานี้ไม่เพียงทำให้เกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้นและบ่อยขึ้น แต่มันยังทำให้เกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือและตอนกลางของยุโรป 

หนึ่งในเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่า คือที่สาเหตุที่ทำให้ไม่กี่วันที่ผ่านมาฝนตกหนักในยุโรปขนาดนี้ คือระบบอากาศมัน “ติดขัด” ไปไหนไม่ได้ ทำให้เกิดฝนตกหนักปล่อยน้ำปริมาณมหาศาลลงสู่พื้นที่เดิมเป็นเวลาหลายวัน 

ริชาร์ด อัลเลน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สภาพอากาศแห่งมหาวิทยาลัยรีดดิงเปิดเผยว่า รูปแบบอากาศแบบนี้เกิดขึ้นในอากาศที่ร้อนขึ้น เพราะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ ดังนั้นฝนจึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราเคยเห็น 

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยระบบพยากาศในปัจจุบันดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถพยากรณ์เรื่องฝนตกและน้ำท่วมได้ จึงทำให้หลายพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ล่วงหน้า หลีกเลี่ยงการมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต