โลกร้อนแผลงฤทธิ์! ทำอาหารโลกพุ่งไม่หยุด กล้วยน้ำว้าไทยแพงสุด
ธนาคารกลางยุโรป เผยว่า อาหารโลกพุ่งเพราะโลกร้อน ทำกล้วยน้ำว้าไทยแพง และยังมีอะไรอีกมากมายที่แพงขึ้น และเชื่อว่ายังมีแนวโน้มแพงขึ้นต่อเนื่อง
SHORT CUT
- ธนาคารกลางยุโรป ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Communcation, Earth and the Environment เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า ราคาอาหารและเงินเฟ้อกำลังพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก
- ก่อนหน้านี้ไทยเจอวิกฤตเอลนีโญอย่างหนัก ทำให้หลายพื้นที่หลายจังหวัดประสบภัยแล้ง ทำให้พืชเศรษฐกิจอย่างกล้วยน้ำว้าได้รับผลกระทบ ไม่พอ สวนกล้วยน้ำว้าต้องเผชิญกับลานีญาต่อทันที
- ราคากล้วยน้ำว้าสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.2567 เป็นต้นมา ซึ่งปกติอายุของผลกล้วยตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 เดือน
ธนาคารกลางยุโรป เผยว่า อาหารโลกพุ่งเพราะโลกร้อน ทำกล้วยน้ำว้าไทยแพง และยังมีอะไรอีกมากมายที่แพงขึ้น และเชื่อว่ายังมีแนวโน้มแพงขึ้นต่อเนื่อง
งานวิจัยของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Communcation, Earth and the Environment เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า ราคาอาหารและเงินเฟ้อกำลังพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากโลกร้อนขึ้น เพราะปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยนักวิจัยทำการสำรวจราคาอาหารและสิ่งของอื่นๆ รวมถึงอุณหภูมิและปัจจัยด้านสภาพอากาศใน 121 ประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งพบว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายจะเป็นสาเหตุทำให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.5-1.8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีภายช่วง 10 ปีหรือหลังจากนี้ และในบางพื้นที่อาจจะแพงขึ้นยิ่งกว่านี้อีก เช่น ตะวันออกกลาง ส่วนไทยของเราถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ราคาอาหารจะแพงขึ้นต่อเนื่องสูงสุด
Springnews จึงรวบรวมมาฝากว่าพืชผักผลไม้อะไรบ้างที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน จนราคาทะยานไม่หยุด
กล้วยน้ำว้า
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเจอวิกฤตเอลนีโญอย่างหนัก ทำให้หลายพื้นที่หลายจังหวัดประสบภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ ด้วยอากาศที่ร้อนจัด และแห้งแล้งทำให้พืชเศรษฐกิจอย่างกล้วยน้ำว้าได้รับผลกระทบ ไม่พอ สวนกล้วยน้ำว้าต้องเผชิญกับลานีญาต่อทันที ทั้งน้ำท่วม ฝนตกชุก บางพื้นที่ถูกพายุถล่มทำให้ปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยมาก บางตลาดจำหน่ายกล้วยน้ำว้าราคาสูงถึงหวีละ 60-80 บาท
ราคากล้วยน้ำว้าสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.2567 เป็นต้นมา ซึ่งปกติอายุของผลกล้วยตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 เดือน กล้วยน้ำว้าจึงอาจออกดอกติดผลในช่วงแล้งและร้อนจัดที่ผ่านมา (เดือน มี.ค. - เม.ย. 2567) สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาที่สูงขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.2567 ทำให้ผลผลิตกล้วยน้ำว้ามีน้อย ราคาสูง ผลขนาดเล็ก และมีคุณภาพไม่ตรงตามที่ผู้รับซื้อต้องการ
นอกจากกล้วยน้ำว้าในบ้านเราแล้ว เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในต่างประเทศเองก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนเช่นเดียวกัน โดยในที่ประชุม World Banana Forum 2024 บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ชี้ว่าว่า โลกร้อนส่งผลกระทบ และเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อผลผลิตกล้วย เพราะกล้วยอ่อนไหวต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้บางพื้นที่ปลูกกล้วยไม่ได้อีก นอกจากนี้โลกร้อนยังทำให้เกิดเชื้อรา ทำให้กล้วยตาย และกลายพันธุ์อีกด้วย
ข้าว
ข้าวเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน สำหรับการส่งออกข้าวในปี 2567 กรมการค้าต่างประเทศร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน โดยปัจจัยต่อการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าว ได้แก่ ผลผลิตข้าวของไทยที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน 5.87 % ซึ่งเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
ส่วนในต่างประเทศ ตั้งแต่อิตาลีจนถึงอินเดีย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้รับผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาหลายปีแล้ว โดยบางทีก็เกิดภัยแล้ง ร้อน และบางครั้งก็เกิดน้ำท่วมตามมา
อิตาลีเป็นประเทศผู้ปลูกข้าวราว 50 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณข้าวทั้งหมดในสหภาพยุโรป แต่ในเดือนมีนาคม 2023 อิตาลีต้องออกมาเตือนว่าปริมาณผลผลิตข้าวจะลดลงเนื่องจากเจอกับภัยแล้ง
เช่นเดียวกันกับในเอเชียของเรา ราคาข้าวยังคงแพงต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่าสภาพอากาศที่แล้งจัดจะส่งผลกระทบต่อผลผลิต โดยอินเดียเองก็เจอกับทั้งแล้งและฝนตกหนัก จนส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าวเช่นกัน
โกโก้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้แหล่งเก็บเกี่ยวโกโก้หลักในแอฟริกาวิกฤต โดยปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้สภาพอากาศแห้งมากขึ้นในกานาและไอวอรีโคสต์ ซึ่ง 2 พื้นที่นี้เป็นผู้ผลิตเมล็ดโกโก้รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ทำให้ปริมาณฝนที่ตกไม่เป็นไปตามเป้า ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวและปริมาณพืชผล เมื่อผลผลิตไม่ได้ตามเป้าก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกหลักไปยังผู้ผลิตขนมหวาน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดหวังว่า เมื่อเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา สถานการณ์ของโกโก้จะเริ่มดีขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาโกโก้ที่ตลาดนิวยอร์กโดยเฉลี่ยแล้วจะตกอยู่ที่ 7 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน นี้ ซึ่งถือว่า ลดลงมามากแล้วจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ราคาเคยทะลุไปถึง 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน แต่ตลาดซื้อขายโกโก้ล่วงหน้าเดือนธันวาคม ราคาก็ยังคงอยู่เหนือ 7 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันอยู่ดี
ที่มา :
https://www.nature.com/articles/s43247-023-01173-x#data-availability
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/852339
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/849766
https://www.weforum.org/agenda/2024/02/climate-change-food-prices-drought/
https://energy-thaichamber.org/science-advances/
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1111240
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/847735
https://www.japantimes.co.jp/business/2024/08/22/markets/african-cocoa-harvest-chocolate-prices/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
