SHORT CUT
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้เครื่องบินตกหลุมอากาศ (Flight turbulence) บ่อยและรุนแรงมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน “ภาวะโลกร้อน” ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกมากขึ้นเรื่อยๆ อีกหนึ่งปัญหาซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน ก็คือเครื่องบินตกหลุมอากาศ (Flight turbulence) ที่เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเส้นทางการบินที่มีการจราจรทางอากาศที่คับคั่ง
หากการเดินทางด้วยเครื่องบินของต้องพบเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น มีเมฆมาก เกิดพายุฝนตกหนัก หรือ มีลูกเห็บตก อาจต้องเผื่อใจไว้เลยว่าจะต้องเจอกับ “หลุมอากาศ” ระหว่างเดินทางได้ หรือแม้แต่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส และปลอดโปร่ง ก็สามารถพบเจอกับหลุมอากาศได้เช่นเดียวกัน ใครหลายคนอาจไม่ได้เตรียมใจไว้ และไม่ทันระวังตัวจนเกิดอาการเวียนหัวหรือบาดเจ็บได้
โดยปกติแล้วเวลาเครื่องบินแล่นจากพื้นเพื่อขึ้นไปบินอยู่บนอากาศนั้น ต้องอาศัยแรงยกจากอากาศที่เคลื่อนที่ผ่านปีกเครื่องบิน ซึ่งมวลอากาศดังกล่าวจะมีความหนาแน่นเท่ากัน และเคลื่อนที่ไปอย่างสม่ำเสมอพร้อมกัน
แต่ถ้าเครื่องบินต้องบินผ่านบริเวณที่มีความหนาแน่นของอากาศแตกต่างกันมาก เช่น จากความหนาแน่นอากาศมากไปหาความหนาแน่นอากาศน้อย จะส่งผลให้อากาศบริเวณดังกล่าวมีลักษณะคล้ายคลื่น และทำให้เกิดแรงยกแบบผิดปกติตามมา
ส่งผลให้เครื่องบินสั่นในระดับเล็กน้อย ไปจนถึงสั่นระดับรุนแรง และยิ่งถ้าอากาศบริเวณนั้นมีความเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกคล้ายกับว่าเครื่องบินร่วงหล่นลงมาด้วยความเร็วสูง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “เครื่องบินตกหลุมอากาศ” และบางครั้งเราก็ไม่สามารถสังเกตความแปรปรวนของสภาพอากาศได้ด้วยตาเปล่า
ด้าน ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ประเด็น โลกร้อนขึ้น โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศมากขึ้น โดยระบุว่า
โลกร้อนขึ้น โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศมากขึ้น..เพราะอะไร?
3. อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้นเนื่องจากโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นทำให้ลมกรดหรือ Jet streamลดความ เร็วลงในบางช่วง มีงานวิจัยระบุว่าอุณหภูมิในบรรยากาศที่สูงขึ้นในแถบทวีปอาร์กติกซึ่งร้อนขึ้นเกือบสี่เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกกำลังส่งผลให้กระแสลมกรด (jet stream) ซึ่งเป็นลมที่มีกำลังแรงพัดอยู่บนชั้นบรรยา กาศในบางช่วงมีความเร็วลดลงทำให้เกิดอากาศแปรปรวน(Clear Air Turbulance) มากขึ้น(ทั้งที่ไม่ได้บินผ่านเมฆหรือพายุ)
เนื่องจากช่วงที่ความเร็วของลมกรดลดลงจะทำให้ความหนาแน่นของมวลอากาศในบริเวณดังกล่าวบางลงซึ่งทำให้เกิด "หลุมอากาศ" ขึ้น ในขณะที่เครื่องบินได้บินผ่านหลุมอากาศ แรงยกจากปีกของเครื่องบินจะลดลงอย่างกระทันหันทำให้ตัวเครื่องตกลงไปในหลุมอากาศ ซึ่งจะตกมากหรือน้อยอยู่ที่ขนาดของความหนาแน่นของมวลอากาศ
4. นักวิจัยชี้ว่าอัตราการเกิดหลุมอากาศจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าภายในปี 2050 และอาจมีเครื่องบินต้องเผชิญกับหลุมอากาศที่รุนแรงมากขึ้นถึง 40%
ที่มา : Sonthi Kotchawat
ข่าวที่เกี่ยวข้อง