SHORT CUT
โลกร้อนกระทบกับกลุ่มเปราะบางมากที่สุด โดยเฉพาะคนจน ดีไหม ถ้าจะเก็บภาษีคนรวยเพื่อแก้โลกร้อน เพราะคนรวยทำโลกร้อนมากกว่า แต่ผลกระทบตกกับคนจนมากกว่า
โลกกำลังถกเถียงกันว่า ควรเก็บภาษีจากเหล่ามหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยของโลกมาช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือไม่ เพราะการทำธุรกิจของคนเหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯจำนวนมากขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศโลก
ท่ามกลางปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ทำให้โลกของเราเผชิญปัญหารูปแบบสภาพอากาศแปรปรวนมากมาย ทั้งฝนตกหนัก แล้งจัด อากาศร้อน หรือไฟป่า กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติก่อนใครก็ คือ ประชาชนที่มีฐานะยากจน และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นอาศัยในประเทศที่ยากจน ซึ่งรัฐบาลไม่มีงบประมาณมากพอจะเข้าช่วยเหลือหรือเยียวยา
แต่ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่ร่ำรวยกลับได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศที่ร่ำรวย ที่มีนโยบายหรืองบประมาณมากพอ เมื่อไม่นานมานี้จึงเกิดกระแสการถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อเสนอที่ว่า เราควรเก็บภาษีจากคนร่ำรวยมาช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนหรือไม่
สำนักข่าวยูโรนิวส์รายงานว่า บราซิลเป็นประเทศแรกที่ได้เสนอการเก็บภาษีมหาเศรษฐีโลก ในที่ประชุมของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของกลุ่มจี 20 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นรัฐมนตรีจากเยอรมนี สเปน และแอฟริกาใต้ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ว่า ควรเก็บภาษีจากมหาเศรษฐีระดับพันล้านทั่วโลกที่มีอยู่จำนวน 3,000 คน คนละอย่างน้อย 2 เปอร์เซ็นต์จากทรัพย์สินที่มี ซึ่งมันสามารถครอบคลุมความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยธรรมชาติในหนึ่งปีได้เกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
สาเหตุหลักๆที่หลายคนมองว่า ควรเก็บภาษีจากคนรวยมาช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน เพราะประการแรก บรรดามหาเศรษฐีระดับโลกมักจะมีทักษะในการทำอย่างไรก็ได้ให้เสียภาษีน้อยที่สุด โดยศูนย์สังเกตการณ์ภาษีของสหภาพยุโรปรายงานว่า เหล่ามหาเศรษฐีมักจะจ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำกว่ารายได้ของตนเอง มากกว่าประชากรทั่วไป อยู่ที่ราว 0-0.5 เปอร์เซ็นต์
อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เพราะคนรวยปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายชั้นบรรยากาศโลกมากกว่าคนยากจน เนื่องจากธุรกิจที่พวกเขาทำ
เมื่อช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยจากอ็อกซ์แฟมชี้ว่า มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของโลกใบนี้แล้ว หรือมหาเศรษฐี 1 เปอร์เซ็นต์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับกลุ่มคนที่จนที่สุดของโลก 66 เปอร์เซ็นต์
ยกตัวอย่างเช่น ในฝรั่งเศส คนที่รวยที่สุดเพียง 1 เปอร์เซ็นต์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนในหนึ่งปี เทียบเท่ากับที่คนจนสุด 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศปล่อยใน 10 ปี และในฝรั่งเศส เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งหลุยส์วิตตอง เจ้าพ่ออาณาจักร LVMH ชายชาวฝรั่งเศสผู้ร่ำรวยที่สุด จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ชายชาวฝรั่งเศสหนึ่งคนปล่อยถึง 1,270 เท่า
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีคนรวยเช่นนั้นยังคงดูห่างไกลจากความจริง กาเบรียล ซักแมน นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเปิดเผยกับเดอะการ์เดียนว่า ในที่ประชุมของกลุ่มจี 20 ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ จะมีการหารือเรื่องแผนการดังกล่าวอีกครั้ง แต่เขาเองก็รู้ว่า กลุ่มมหาเศรษฐีโลกจะต้องต่อสู้กับไอเดียนี้แน่นอน อาจจะมีการล็อบบี้รัฐบาล หรือใช้สื่อที่ตนเองเป็นเจ้าของ
ที่มาข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง