หรือแท้จริงแล้วอุณหภูมิโลกทะลุ 1.5 องศามาตั้งนานแล้ว โดยดูจากฟองน้ำทะเล ?
Malcolm McCulloch ตั้งสันนิษฐานโลกอาจร้อนเกิน 1.5 องศามาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว โดยไปศึกษาจากฟองน้ำทะเลในระดับความลึก 60 เมตร ที่ผู้วิจัยกล่าว่า สามารถบอกความต่างของอุณหภูมิโลกได้
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่กำลังฝุ่นตลบเรื่องการรณรงค์ให้หยุด/ยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานสะอาด เพื่อบรรลุตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่กำหนดจุดประสงค์ร่วมกันว่า จะพยายามรักษาอุณหภูมิโลกไว้ไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ผู้เสนอข้อสันนิษฐานนี้ชื่อว่า Malcolm McCulloch โดยเขียนรายงานวิจัยลง Nature Climate Change เพื่อนำเสนอว่า ฟองน้ำทะเลในทะเลแคริบเบียนสามารถย้อนเวลาพาพวกเรา (มนุษย์) กลับไปสำรวจอุณหภูมิของโลกในอดีตกาล 300 ปีก่อน เพื่อนำมาเปรียบกับปัจจุบันได้
ฟองน้ำทะเลบอกอุณหภูมิโลกได้อย่างไร?
โดยปกติ อุณหภูมิสูงขึ้นหรือต่ำลงจะถูกประเมินจากอุณหภูมิระดับผิวน้ำ แต่นักวิจัยกลุ่มนี้ตั้งโจทย์ใหม่โดยลงไปสำรวจ สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
ทีมนักวิจัยนำฟองน้ำที่ความลึก 60 เมตร ในทะเลแคริบเบียนขึ้นมา เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสารสตรอนเซียม (Strontium) และแคลเซียม ซึ่ง Malcolm ระบุว่า สามารถบอกถึงอุณหภูมิของโลกที่แปรปรวน (อุ่นและเย็น) ได้
ผลการศึกษา
สิ่งที่นักวิจัยค้นพบคือ ตั้งแต่ปี 1700 ถึง 1790 และปี 1840 ถึง 1860 นั้นอุณหภูมิคงที่มาตลอด และเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายทศวรรษที่ 19 อุณหภูมิโลกเริ่มอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอุณหภูมิในท้องทะเลอุ่นขึ้นประมาณ 0.9 องศา ซึ่งมากกว่าที่ IPCC คะเนไว้ที่ 0.4 องศา
ในทศวรรษที่ 1990 จนถึงไม่กี่ปีมานี้ และอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเฉลี่ยแล้ว 1.7 องศา ตั้งแต่ก่อนยุคอุตสาหกรรม อีกหนึ่งสิ่งที่นักวิจัยพบคือ อุณหภูมิบนบกสูงขึ้นเกือบสองเท่าของอุณหภูมิบริเวณผิวสมุทร
นี่เป็นเพียงงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นในแวดวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเกิดข้อถกเถียงตามมาอีกเป็นพรวน บ้างยังไม่เชื่อในข้อพิสูจน์เรื่องการใช้ฟองน้ำทะเลมาเป็นตัวชี้วัดอุณหภูมิโลก
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ Malcolm McCulloch ยืนกรานว่า ปัจจุบันโลกยังร้อนขึ้นทุกปี ๆ อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ยังพุ่งสูง จนสะท้อนออกมาผ่านภัยธรรมชาติต่าง ๆ
ทั้งนี้ หากสถานการณ์การปล่อยมลพิษของพวกเรายังเป็นเช่นนี้ต่อไป กฎเกณฑ์ใด ๆ ที่ตั้งเป้าหมายกันเอาไว้ อาจถูกทำลายลงในไม่ช้า ซึ่ง Malcom กล่าวว่า อุณหภูมิโลกจะพุ่งสูงทะลุ 2.5 องศา มากกว่าในยุคก่อนอุตสาหกรรม ซึ่งนี่คือ “หายนะ”
ที่มา: the conversation , sciencealert
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
