svasdssvasds

กระแสน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกอาจหายไปในปี 2050 หากไม่หยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

กระแสน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกอาจหายไปในปี 2050 หากไม่หยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทุกคนบนโลกกำลังเจอภาวะโลกรวน ล่าสุดนักวิทย์ออกมาเตือนถึงความเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกที่กำลังวิกฤต อาจหายไปในปี 2050 ซึ่งทำให้สภาพอากาศโลกรวนหนัก หายนะทางสภาพภูมิอากาศโลกจะเกิดขึ้น ผู้คนทางฝั่งยุโรปอาจแข็งตาย ควรเร่งหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

จากรายงานสถานการณ์ของระบบไหลเวียนของกระแสน้ำเส้นเมอริเดียนในมหาสมุทรแอตแลนติก (Meridional Overturning Circulation, AMOC) กำลังจะถูกทำลายเนื่องจากก๊าซเรือนกระจกและพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มนุษย์ปล่อย ทำให้กระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกนี้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์คาดว่าอาจหายไปอย่างเร็วสุดในปี 2050 หากยังไม่หยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

Cr. Science Alert

นักวิทยาศาสตร์เผยถึงการศึกษาล่าสุด ที่วิเคราะห์การไหลเวียนของกระแสน้ำในเส้นเมอริเดียนในมหาสมุทรแอตแลนติก (Meridional Overturning Circulation, AMOC) ซึ่งถือเป็นกระแสน้ำที่ลำเลียงสารอาหารและสภาพอากาศของมหาสมุทร

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

กระแสน้ำในเส้นเมอริเดียนในมหาสมุทรแอตแลนติก (Meridional Overturning Circulation, AMOC) มีหน้าที่พาน้ำอุ่นเขตร้อนขึ้นไปทางเหนือสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ถ่ายเทอุณหภูมิทำให้อุณหภูมิในยุโรปตะวันตกอบอุ่นขึ้นไม่หนาวตาย หลังจากนั้นก็จะเย็นตัวลงใกล้ขั้วโลกเหนือแล้วจมลงไหลลงทางใต้ในระดับความลึกใต้ทะเล และนำสารอาหารจากใต้ทะเลขึ้นมา แล้วก็จะเริ่มเป็นวงจรใหม่

หากกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกหายไปจะเป็นอย่างไร?

ถ้ากระแสน้ำเส้นเมอริเดียนในมหาสมุทรแอตแลนติกหายไป อาจส่งผลร้ายแรงกับสภาพอากาศของโลก จะเปลี่ยนการกระจายความร้อนและปริมาณน้ำฝนทั่วโลก ซึ่ง Peter Ditlevsen ศาสตราจารย์จากสถาบัน Niels Bohr ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน เผยว่า นี่อาจจะทำให้อุณหภูมิในยุโรปเย็นลง ผู้คนอาจจะแข็งตายในที่สุด หนทางที่ดีที่สุดคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเร็วที่สุด

 

ที่มา : Live Science / Science Alert / IFL Science