นาซาพบสัญญาณที่กำลังก่อให้เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญจากดาวเทียมในอวกาศ ในขณะที่อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นและอุณหภูมิของน้ำทะเลก็สูงขึ้น ทำให้ปีนี้มีโอกาสเกิดภัยแล้ง 90%
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศปีนี้ยังคงจะทวีความรุนแรงล่าสุด การคาดการณ์ที่ว่า ปีนี้จะเกิดภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญของนักวิชาการหลายคนกำลังเป็นจริง เพราะล่าสุด ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-6 Michael Freilich พบคลื่นเคลวินเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งนี่เป็นสัญญาณแรกเริ่มของการเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ
NASA ได้ระบุว่าพบสัญญาณนี้จากอวกาศ หลังดาวเทียมดวงดังกล่าวได้ตรวจพบน้ำอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกไปยังชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาใต้ในเดือนมีนาคมและเมษายน
จากการตรวจสอบระดับน้ำทะเล แสดงให้เห็นว่า คลื่นเคลวินเคลื่อนผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก โดยคลื่นทะเลเหล่านี้มีความสูงเพียง 2-4 นิ้วเท่านั้น แต่กว้างหลายร้อยไมล์ ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็นสารตั้งต้นของเอลนีโญ ที่จะเริ่มก่อตัวที่เส้นศูนย์สูตรและเคลื่อนตัวบนน้ำชั้นบนที่อุ่นไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผย 4 สาเหตุ ทำไมช่วงนี้ไทยอากาศร้อนเหมือนนอนกอดดวงอาทิตย์ เกิดอะไรขึ้น?
ได้ฉายา ปีศาจคลื่นความร้อนแห่งเอเชีย หลังหลายประเทศทุบสถิติคลื่นความร้อน
ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ใหญ่กว่า กทม.+ภูเก็ต แยกจากแผ่นดินแม่ เกรงส่งผลระบบนิเวศ
Josh Willis นักวิทยาศาสตร์โครงการ Sentinel-6 Michael Freilich จาก NASA's Jet Propulsion Laboratory (JPL) กล่าวว่า เขาจะเฝ้ามองปรากฎการณ์เอลนีโญนี้ให้เหมือนกับเหยี่ยวเลย เพราะถ้ามีขนาดใหญ่หรือมีสัญญาณที่ดูรุนแรงเกิดขึ้น โลกจะยิ่งร้อนเป็นประวัติการณ์ในปีนี้และปีต่อไป
ปีนี้จะเป็นปีแห่งเอลนีโญหรือไม่?
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ตัวแทนของ National Atmospheric and Oceanic Administration (NOAA)เผยว่า มีโอกาส 90% ที่จะเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญในปีนี้และจะยังคงอยาต่อไปในฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ
ตามการคาดการณ์ของ NOAA มีโอกาส 80% ที่จะเกิดเอลนีโญระดับปานกลางในปีนี้ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส และมีโอกาส 55% ที่จะเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญรุนแรง โดยจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียสด้วย
เล่นน้ำทะเลยากละ! วิจัยใหม่ชี้ อุณหภูมิทะเลกำลังสูงขึ้นต่อเนื่อง แก้ยากละ
โลกจะเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น
คลื่นทะเลดังกล่าวจะพัดพาความร้อนกระจายไปทั่วโลก นำความร้อนและความชื้นขึ้นสู่ชายฝั่งและเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของชายฝั่งนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ Nadya Vinogradova Shiffer นักวิทยาศาสตร์โครงการ NASA และผู้จัดการของ Sentinel-6 Michael Freilich กล่าว
นอกจากนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วโลกสูงถึง 21.1 องศาเซลเซียส ซึ่งนี่ไม่ใช่อุณหภูมิปกติของมหาสมุทรอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เราเห็นว่า ลานีญาได้สิ้นสุดลงแล้ว และมหาสมุทรกำลังร้อนขึ้น
ทั้งนี้คงต้องรอติดตามต่อไปว่า ปรากฎการณ์เอลนีโญจะเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ไหนบ้าง และจะรุนแรงเพียงใด
ที่มาข้อมูล