อาหารแห่งอนาคต โฟนิโอ ธัญพืชโบราณกว่า 5000 ปี จากทวีปแอฟริกา มรดกตกทอดที่กำลังเป็น superfood มากด้วยคุณค่าทางอาหาร สู้ภัยแล้ง ภาวะโลกร้อน
World Economic Forum ได้สัมภาษณ์ Pierre Thiam เชฟเชื้อสายเซเนกัล ผู้จุดประกายแนะนำธัญพืช โฟนิโอ (Fonio) สู่วงกว้าง เริ่มตั้งแต่ในปี 2017 ก่อตั้งบริษัทชื่อ Yolélé เพื่อสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในแอฟริกาตะวันตก ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่ทำจากโฟนิโอ เช่น มันฝรั่งทอด หรือแป้งทำอาหาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากแนวคิดที่ต้องการนำธัญพืชชนิดนี้ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบ เปิดสู่ท้องตลาด เป็นการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างราย ความมั่งคั่งได้ให้ชุมชน
แนวโน้มผลิตภัณฑ์ โฟนิโอ (Fonio) ของ Yolélé ได้รับการต้อนรับอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวรวมทั้งประกาศความร่วมมือกับกระทรวงเศรษฐกิจและการวางแผนของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
โฟนิโอ (Fonio) หนึ่งในธัญพืชโบราณเก่าแก่ที่สุดของทวีปแอฟริกา มีรสชาติคล้ายถั่ว นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในแถบประเทศแอฟริกาตะวันตกมากว่า 5,000 ปี สามารถปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง มีทั้งแบบสีขาวและสีดำ เติบโตได้เร็วในระยะเวลา 60-70 วัน ซึ่งตอบโจทย์กับภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและดูท่าว่าจะหยุดไม่ได้
ขนาดของเมล็ด โฟนิโอ (Fonio) เล็กเทียบเท่ากับเม็ดทราย ก่อนนำไปปรุงต้องสีเพื่อเอาเปลือกที่กินไม่ได้ออกไป หุงสุกแล้วจะมีลักษณะที่คล้ายกับคูสคูส (Couscous) และควินัว (Quinoa) เดิมทีนิยมสีด้วยมือ แต่เมื่อเข้าสู่การเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกมากขึ้น จึงต้องหันมาพึ่งพาโรงสีที่มีอยู่ในประเทศเซเนกัล
ธัญพืชโบราณ โฟนิโอ (Fonio) นี้มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการหลากหลาย ทั้งกรดอะมิโน กระตุ้นความยืดหยุ่นของผิวหนัง ดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เล็บ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อร่างกายส่วนที่สึกหรอด้วย ธาตุเหล็ก สังกะสี และแม็กนีเซียม นอกจากนี้ปลอดกลูเตนอีกด้วย
ทั้งนี้ในบรรดาธัญพืชที่มี องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization) ยกให้โฟนิโอจัดว่าเป็นธัญพืชที่ให้แคลเซียมสูงที่สุด จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่แพ้นมวัวใช้ดื่มทดแทนโปรตีนในน้ำนม และยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะมีไขมันน้อยและไม่มีน้ำตาล
จึงเป็นทางเลือกสำหรับอาหารแห่งโลกอนาคต ทั้งนี้นอกจากเป็นธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน
โดย superfood คือ อาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่าง ๆ ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง ที่จะช่วยยืดอายุให้ยืนยาวขึ้นได้
ที่มา