3 พรรคการเมือง จวก ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คุกคามชีวิตคน รัฐเห็นความทุกข์บ้างไหม ?

เรื่องมลพิษทางอากาศ  PM2.5  หรือฝุ่นร้าย ได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกๆเมืองของประเทศไทยไปแล้ว ทำให้ฝ่ายการเมือง ตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ออกมากระตุ้นและปลุกให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

โดย ฝั่งจาก พรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้าย ได้ออกมา กระตุกรัฐบาลลุกขึ้นมาแก้ปัญหา PM 2.5 จริงจัง และตั้งถามแรง รัฐตระหนักในความทุกข์ของผู้คนบ้างไหม ?

• รัฐตระหนักในความทุกข์ของผู้คนบ้างไหม ?

โดย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กำลังเล่นงานคนทั้งประเทศ และเป็นตัวการร้ายบั่นทอนสุขภาพคนไทย  โดย ขอเรียกร้องแบบแผ่นเสียงตกร่องแทนพี่น้องคนไทยในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ที่ทุกข์ยากแสนสาหัสจากสถานการณ์ฝุ่น P.M.2.5 ที่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดหลายพื้นที่ทั่วไทยที่เลวร้ายลงทุกวัน 

ข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้าย กระทบต่อปอด หัวใจ สมอง และอาจมีผลกระทบในระยะยาวและไม่ปรากฎอาการในขณะนี้ ตนเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นขึ้นมาแก้ปัญหาให้เป็นระบบและจริงจังกว่านี้ ได้เรียกร้องไปหลายครั้งแต่ยังไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการและระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤต ถ้าไม่เร่งแก้คนไทยนับแสนนับล้านจะได้รับผลกระทบ ประเทศจะสูญเสียทั้งต้นทุนทางสุขภาพ สังคม และการท่องเที่ยว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เช็กรัฐบาลประยุทธ์ แก้เรื่องสิ่งแวดล้อม สางปัญหาก๊าซเรือนกระจก ถึงไหน ?
• 8 ประเทศทำได้สำเร็จ Net Zero Emissions ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
• เพื่อไทยชูนโยบาย 6 ข้อ แก้ PM2.5 ห้ามเผาป่า ผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด

นายนพดล กล่าวต่อว่าจิตใจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทำด้วยอะไร คิดถึงหัวใจ ปอด สมอง สุขภาพของเด็กแรกเกิดจนถึงคนชราที่ต้องเผชิญฝุ่นพิษตามยถากรรมวันแล้ววันเล่าบ้างไหม เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นโศกนาฏกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ที่รัฐบาลต้องแก้ไข ต้องระดมหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย แก้ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคุมไซท์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะ นอกจากนั้นรัฐบาลได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนไปอย่างไรบ้าง

 
“ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กระทบคุณภาพชีวิตคนไทยนับล้านในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นเป็นความเร่งด่วน และเห็นว่าต้องไม่ปล่อยวิกฤตนี้ดำเนินไปตามยถากรรม คนไทยมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด เรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ พรรคมีเจตจำนงทางการเมืองอย่างแรงกล้าที่จะแก้ปัญหานี้ มีนโยบายชัดเจนที่ได้เคยเสนอไปเช่นห้ามเผาไร่เผาป่า ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นเช่นไซท์ก่อสร้าง โรงงาน รถควันดำ เปลี่ยนใช้รถไฟฟ้า เจรจาประเทศเพื่อนบ้านลดเผา เดินหน้ากฎหมายอากาศสะอาดเป็นต้น และถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จะเป็นรัฐบาลที่ขจัดความทุกข์ใจทุกข์กายของประชาน ไม่นั่งหายใจทิ้งไปวันๆแล้วปล่อยให้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มันกัดกร่อนสุขภาพและชีวิตคนไทยไปเรื่อยๆ”

• ก้าวไกล ชี้ ไม่เห็นความพยายาม แก้ไขปัญหา PM 2.5 ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมเลย

ด้าน  วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จาก พรรคก้าวไกล  ให้ความเห็นว่า เรื่อง ปัญหาฝุ่น ปัญหา PM 2.5  ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมเลย

โดยปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังกลายเป็นปัญหาที่ประชาชนได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม ยอมให้มันบั่นทอนอายุขัยของตัวเองลงไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นความพยายามในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมเลย ผ่านมาปีแล้วปีเล่า ก็ยังเหมือนเดิม

จนปัจจุบันประเทศไทย มีดัชนีคุณภาพเลวร้ายติดอันดับต้นๆ ของโลก บั่นทอนสุขภาพของประชาชน และความเสียหายทางเศรษฐกิจจากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข และผลกระทบจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ เป็นมูลค่ามหาศาล

ฝุ่น PM2.5 นั้นมีที่มาจากหลากหลายสาเหตุมาก ทั้งไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซล ไอเสียจากปล่องควันโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาชีวมวล 

แต่ปัจจุบัน จากข้อมูลต่างๆ ที่รวบรวมสังเคราะห์มาแล้ว  ทำให้ เชื่อได้ว่า ตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 ในไทย ก็คือ การเผาชีวมวล โดยเฉพาะการเผาอ้อยเพื่อการเก็บเกี่ยว และการเผาไร่ข้าวโพดหลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้ว ทั้งการเผาภายในประเทศ และการเผาที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา โดยข้อมูลจาก GISTDA ที่เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 28 ก.พ. 66  ไทยมีจุดความร้อนเป็นอันดับที่หนึ่ง 3,768 จุด สูงสุดตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 เป็นต้นมา ตามด้วยลาว 3,370 จุด เมียนมาร์ 2,809 จุด กัมพูชา 2,758 จุด และเวียดนาม 732 จุด 

ดังนั้น ถ้าหยุดการเผาไม่ได้ ก็จะไม่มีทางแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้เลย โดยในช่วงเวลา  9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ก็ขโมยเวลาของประชาชน และลูกหลานของพวกเรามามากพอแล้ว อย่าให้ต้องถึงกับเอาฝุ่น PM2.5 มาทำให้อายุขัยของพวกเราสั้นลงอีกเลย

• ประชาธิปัตย์ ชี้ ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นเหมือนฆาตกรคอยฆ่าคนกทม.ไปเรื่อยๆ 

ขณะที่ ฝั่งประชาธิปัตย์ , มี นายชนินทร์ รุ่งแสง กรรมการบริหารประชาธิปัตย์ (กก.บห.ปชป.) ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร(กทม.) เขตบางพลัด บางกอกน้อย ในการเลือกตั้ง 2566 ให้ความเห็นต่อประเด็นมลพิษ ต่อเรื่องปัญหา PM 2.5  เรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นเหมือนฆาตกรคอยฆ่าคนเมืองหลวง คนกทม.ไปเรื่อยๆ 

"4 ปีที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนสัมผัสได้ว่าหลายสิ่งในกทม.แย่ลงหรือไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นเหมือนฆาตกรคอยฆ่าคนเมืองหลวงไปเรื่อยๆที่น่าเป็นห่วงคือสุขภาพลูกหลานของเราที่จะถูกบั่นทอนลง การจัดการปัญหานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกี่ยวกับการเมือง เรื่องใหญ่หลายเรื่องผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นการเมืองระดับท้องถิ่นไม่สามารถจัดการได้ฝ่ายเดียว แม้ผู้ว่าฯกทม.คนขยันในปัจจุบันจะทำเต็มที่แล้ว แต่ยังต้องอาศัยการเมืองระดับชาติ ให้ส.ส.ช่วยด้วย "

นายชนินทร์ รุ่งแสง กล่าวอีกว่า สำหรับกทม. 4 ปีที่ผ่านมาไม่มี ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งให้ทำงานรับใช้ชาวกทม.แม้แต่คนเดียว และคิดว่าขณะนี้หลายคนคงคิดถึงการทำงานในแบบฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ รู้จริง และทำได้ไว ทำได้จริง ที่สำคัญใกล้ชิดประชาชน ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่จะดีกว่าของชาว กทม.ได้ ถ้าให้โอกาสปชป.กลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร