Apple ประกาศผลประกอบการ 3 ไตรมาส กำไรหด 11%

แม้แต่ Apple บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกก็ไม่รอดจากพ้นจากเงื้อมมือของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย

ประกาศผลกำไรที่หดลงเกือบ 11% จาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อ มิ.ย. ที่ผ่าน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในประเทศจีน จากนโยบายปลอดโควิดที่ทำให้เกือบทุกอย่างตกอยู่ใต้ภาวะล็อกดาวน์

แม้ Apple มีรายรับอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (3 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาสที่สามของปีงบการเงิน แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสู้ไม่ได้กับรายรับประจำปีตามปกติ เพราะเมื่อปีที่แล้ว Apple มีรายรับโตขึ้นกว่า 36% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง

ยอดขายในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีแนวโน้มมากที่สุดของบริษัท ลดลงประมาณ 1% ในช่วงไตรมาสดังกล่าว

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

• FTC เตะตัดขา Meta ยื่นฟ้องหยุดซื้อ Within ผูกขาดตลาด VR
• Apple ยอมแพ้ จ่าย 50 ล้านดอลลาร์ คดีคีย์บอร์ดบัตเตอร์ฟลาย
• Instagram กลืนน้ำลาย ยอมหยุดกลายร่างเป็น TikTok เบอร์สอง
• สรุป Facebook (Meta) เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด มีอะไรเปลี่ยนบ้าง ?
• Microsoft ลดตำแหน่งงานว่างลงอย่างเยอะ หรือนี่เป็นสัญญาณไม่ค่อยจะดี ?

ถึงอย่างนั้น Apple ก็สามารถทำได้เกินความคาดหมายของ Wall Street ทั้งในด้านยอดขายและผลกำไร หุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นเกือบ 4% หลังนอกเวลาซื้อขาย

บริษัทกล่าวว่า ฐานอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในแต่ละหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาสดังกล่าว ยอดขายรายไตรมาสจากบริการของ Apple ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ของบริษัทสำหรับการเติบโตในอนาคต เพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์ (7.12 แสนล้านบาท) ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ (7.16 แสนล้านบาท) เล็กน้อย

ลูก้า มาเอสตรี (Luca Maestri) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (Chief Financial Officer: CFO) ของ Apple กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์ ว่า ปัจจุบัน Apple มีการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินแล้วกว่า 860 ล้านครั้งสำหรับบริการต่าง ๆ ของบริษัท เพิ่มขึ้น 160 ล้านครั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว

"ผลประกอบการไตรมาสมิถุนายนของเรายังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการจัดการธุรกิจของเราอย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ท้าทาย" ลูก้า มาเอสตรี ระบุ

ผลลัพธ์ของ Apple เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีจำนวนหนึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ความกลัวว่าจะมีภาวะถดถอยที่ใกล้เข้ามา และผลกระทบจากสงครามที่ดำเนินอยู่ในยูเครน

บริษัทปฏิเสธที่จะแบ่งปันแนวทางรายได้สำหรับไตรมาสปัจจุบันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ลูก้า มาเอสตรี กล่าวว่า Apple คาดว่าการเติบโตของรายรับปีต่อปีจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสเดือนกันยายนเมื่อเทียบกับไตรมาสในเดือนมิถุนายน โดยสมมติว่าสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับโควิดต่อธุรกิจของบริษัทจะไม่เลวร้ายลง เขาเสริมว่าข้อจำกัดด้านอุปทานก็คาดว่าจะต่ำกว่าที่เคยเป็นในไตรมาสมิถุนายน

ทั้งนี้ ลูก้า มาเอสตรี ยังตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามของบริษัทในการทำให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงการขยายการผ่อนชำระและโปรแกรมการแลกเปลี่ยนทั่วโลก

เพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอ Apple กล่าวว่า บริษัทเองวางแผนที่จะ "จ้างคนต่อไปและลงทุนในบางพื้นที่" แต่จะ "จงใจมากขึ้น" ในการทำเช่นนั้น