ถือเป็นข่าวใหญ่และสำคัญสำหรับโทรคมนาคมไทย เพราะเจ้าสัวศุภชัย เจียรวนนท์ กำลังทำการควบรวมกิจการของดีแทคและทรู เพื่อหวังพัฒนายกระดับดิจิทัลไทย ซึ่งทำให้อีกไม่นานทรูและดีแทคจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน
เจ้าสัวศุภชัย เจียรวนนท์ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการครอบครองตลาดคมนาคม และจุดประสงค์ของการควบรวมไม่ใช่เสริมศักยภาพในการแข่งขัน
แต่การควบรวมครั้งนี้ต้องการจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งนี่เป็นโอกาสในการลดค่าใช้จ่าย ในการขยายโครงข่ายและพัฒนาเครือข่าย 5G ให้สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ในฝั่งของลูกค้าเองจะได้รับนวัตกรรมที่ดีขึ้น
และหากมีการควบรวมในครั้งนี้สำเร็จเสร็จสิ้น คาดว่าจะทำให้ทั้งสองบริษัท กลายเป็นบริษัทมหาชนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่
CEO เทเลนอร์กรุ๊ป ได้วิเคราะห์ภาพรวมของโทรคมนาคมไทยที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว และประเทศไทยยังเป็นดิจิทัลแชมเปี้ยนส์อยู่ ทั้งการซื้อของออนไลน์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีอัตราเติบโตสูงมากๆ
อัตรา 9 ใน 10 คนเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้การแข่งขันของประเทศไทยยังไปต่อได้ในระดับโลก
ดังนั้นการควบรวมกิจการจึงจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ หากร่วมกันเชื่อว่าประเทศไทยจะพร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแน่นอน
ผู้บริหารทั้งสองค่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งทรูและดีแทค ยืนยันเป็นเสียงตรงกันว่า สิ่งแรกหลังจากมีการควบรวมกิจการแล้ว จะจัดตั้งกองทุน 7.3 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพไทยในอนาคต
ขณะนี้รอเพียงการพิจารณาของ กสทช.ที่จะพิจารณาภายใน 90 วัน พร้อมย้ำว่านี่เป็นการควบรวมกิจการ ไม่ใช่เข้าซื้อกิจการ ไลเซ่นส์ทุกอย่าง ‘พนักงานทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม’ และการควบรวมกิจการไม่ต้องขออนุมัติจาก กสทช. ต่างจากกรณีของ เอไอเอส กับ 3BB ที่เป็นการซื้อกิจการต้องขออนุญาตจาก กสทช.ก่อน
ขณะนี้โทรคมนาคมไทยได้มีการควบรวมธุรกิจกันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น AIS-3BB และ TRUE-DTAC ที่ได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับการควบรวมว่า ‘เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค’ และการพัฒนาโครงข่ายได้กว้างขึ้นและง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังคงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าอนาคตของโทรคมนาคมไทยจะเป็นอย่างไร จะมีผลดีหรือผลเสียกับผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหนในการควบรวมกิจการแบบนี้