SHORT CUT
นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ผนึกกำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการถอดรหัสบันทึกโบราณที่ถูกเผาไหม้จากภูเขาไฟวิสุเวียสเมื่อ 2,000 ปีก่อน เผยข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่อาจถูกลืมเลือนไปตลอดกาล
นักวิทยาศาสตร์ ใช้เทคโนโลยี AI ผสมผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญของทีมนักวิจัยในการถอดรหัสม้วนกระดาษปาปิรุสที่ถูกเผาจนอยู่ในสภาพไหม้เกรียม หลังการระเบิดของเขาไฟวิสุเวียสระเบิดอย่างรุนแรง เมื่อปี ค.ศ. 79
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการคลี่ม้วนกระดาษโบราณแบบดิจิทัล จนสามารถอ่านข้อความด้านในได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี
การผสมผสานการใช้เทคโนโลยี AI เข้ากับความเชี่ยวชาญของมนุษย์ในความพยายามถอดรหัสข้อความในม้วนกระดาษปาปิรุสจำนวนหลายร้อยม้วนที่ถูกค้นพบในซากของคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งในเมืองเฮอร์คิวเลเนียม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองปอมเปอีในอาณาจักรโรมันที่ถูกทำลายล้าง หลังจากภูเขาไฟวิสุเวียสปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
ห้องสมุดเมืองโบราณของจักรวรรดิโรมันแห่งนี้ที่ได้รับการขนาดนามว่า “Villa of the Papyri” มีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับความรู้และปรัชญาสมัยโบราณได้อย่างมากมายมหาศาล หากสามารถอดรหัสกระดาษที่ม้วนอยู่ได้
ความร้อนและเถ้าภูเขาไฟจากการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส ทำลายบ้านเมืองและคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก แต่ม้วนหนังสือเหล่านี้เหลือรอดมาได้ แม้จะไม่สามารถอ่านได้ เนื่องจากอยู่ในสภาพที่เปราะบางอย่างมากและจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีหากคลี่ออก
นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ต่างทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานานกว่า 250 ปี เพื่อหาวิธีในการถอดรหัสม้วนกระดาษโบราณเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติแห่งเนเปิลส์ของอิตาลี
ในปี 2023 ผู้บริหารบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งสนับสนุนการจัดการแข่งขัน “Vesuvius Challenge” โดยเสนอรางวัลเป็นเงิน สำหรับความพยายามในการถอดรหัสม้วนกระดาษโบราณเหล่านี้ด้วยการเรียนรู้ของเครื่องหรือ “แมชชีน เลิร์นนิง” คอมพิวเตอร์วิทัศน์และเรขาคณิต
ล่าสุด โครงการดังกล่าวประกาศความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากนักวิจัยสามารถสร้างภาพแรกจากภายในม้วนกระดาษหนึ่งในสามม้วน ซึ่งอยู่ที่ห้องสมุด Bodleian Library ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร ได้ เมื่อวันพุธที่ 5 ก.พ.
ด้าน “เบรนท์ ซีเลส” (Brent Seales) นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยเคนทักกีในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Vesuvius Challenge ระบุว่า ผู้จัดงานรู้สึกตื่นเต้นกับความสำเร็จในการถ่ายภาพภายในม้วนกระดาษนี้ ซึ่งมีข้อความที่สามารถกู้คืนและอ่านได้มากกว่าข้อความที่เคยเห็นจากการสแกนม้วนกระดาษเฮอร์คิวเลเนียม
ม้วนกระดาษโบราณเหล่านี้ถูกสแกนในห้องปฏิบัติการของสถาบัน Diamond Light Source โดยใช้เครื่องเร่งอนุภาคที่เรียกว่า “ซินโครตรอน” เพื่อสร้างรังสีเอกซ์ที่มีความเข้มข้นสูง
จากนั้น นักวิทยาศาสตร์จะใช้เทคโนโลยี AI ในการปะติดปะต่อภาพ ค้นหาร่องรอยหมึกในบริเวณที่มีการลงน้ำหนักมือขณะเขียนข้อความ และเพิ่มความชัดเจนของข้อความ จนนำไปสู่การสร้างภาพ 3 มิติของม้วนหนังสือที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถคลี่ม้วนกระดาษออกได้เสมือนจริง ด้วยการใช้กระบวนการที่เรียกว่า การแบ่งส่วนภาพ 3 มิติ
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยอมรับว่า AI ก็มีข้อจำกัด และจนถึงขณะนี้สามารถถอดรหัสข้อความออกมาได้เพียงเล็กน้อย โดยหนึ่งในไม่กี่คำที่สามารถถอดออกมาจากภาษากรีกโบราณได้ คือ คำว่า “รังเกียจ” (Disgust)
“ปีเตอร์ ทอธ” (Peter Toth) ภัณฑารักษ์ของห้องสมุด Bodleian Library เปิดเผยว่า แม้จะมีความคืบหน้าแต่ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ต้องใช้เวลายาวนาน นักวิจัยต้องการภาพที่ดีกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีแนวโน้มอันเป็นที่น่าพึงพอใจมากและแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถปรับปรุงคุณภาพของภาพและความชัดเจนของข้อความให้ได้ดีขึ้นกว่านี้ได้
ทั้งนี้ ทีมงานในโครงการ Vesuvius Challenge ตั้งความหวังว่า เทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้งานได้ในท้องถิ่น เพื่อท่จะได้ไม่ต้องขนส่งม้วนกระดาษโบราณที่เก่าแก่และอยู่ในสภาพเปราะบางอีกนับพันม้วนในเนเปิลส์ไปยังห้องปฏิบัติการของสถาบัน Diamond Light Source ด้วย
ที่มา : AP News