svasdssvasds

“Google” เปลี่ยนนโยบาย ให้ใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาอาวุธ - การสอดแนมได้

“Google” เปลี่ยนนโยบาย ให้ใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาอาวุธ - การสอดแนมได้

Google อัปเดตหลักการ AI ใหม่ของบริษัท โดยล้มเลิกคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะงดเว้นการใช้เทคโนโลยี AI ในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และการสอดแนม

SHORT CUT

  • Google ล้มเลิกคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะงดเว้นการใช้เทคโนโลยี AI สำหรับการใช้งานที่อาจเป็นภัยอันตราย เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์และการสอดแนม ตามหลักการ AI ที่เพิ่งอัปเดตใหม่ของบริษัท
  • หลักการ AI เวอร์ชันก่อนหน้า ระบุว่า Google จะไม่ใช้เทคโนโลยี AI กับอาวุธยุทโธปกรณ์หรือการสอดแนม
  • บล็อกโพสต์ที่ร่วมเขียนโดย “เดมิส ฮัสซาบิส” (Demis Hassabis) ซีอีโอของ Google DeepMind กล่าวว่า ปัจจุบันมีการแข่งขันระดับโลกเพื่อขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ภายในภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ซับซ้อนมากขึ้น

Google อัปเดตหลักการ AI ใหม่ของบริษัท โดยล้มเลิกคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะงดเว้นการใช้เทคโนโลยี AI ในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และการสอดแนม

Google ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ยกเลิกคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะงดเว้นจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) สำหรับการใช้งานในที่ด้านอาจเป็นภัยอันตรายต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยี AI กับอาวุธยุทโธปกรณ์และการสอดแนม หลังจากเพิ่งอัปเดตหลักการ AI ใหม่ของบริษัท

หลักการ AI เวอร์ชันก่อนหน้าของ Google ระบุว่า จะไม่มุ่งนำเสนอบริการของบริษัทเพื่อให้นำไปใช้กับ “อาวุธหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์หลักหรือการนำไปใช้เพื่อสร้างหรืออำนวยความสะดวกโดยตรงต่อการบาดเจ็บล้มตายของผู้คน” และ “เทคโนโลยีที่รวบรวมหรือใช้ข้อมูลเพื่อการสอดแนมที่ละเมิดบรรทัดฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล”

วัตถุประสงค์เดิมเหล่านั้น ไม่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์หลักการ AI ของ Google อีกต่อไป

บล็อกโพสต์ที่ “เดมิส ฮัสซาบิส” (Demis Hassabis) ซีอีโอของ Google ร่วมเขียนและเผยแพร่เมื่อวันอังคาร ระบุว่า “มีการแข่งขันระดับโลกเกิดขึ้นเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ภายในภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์ทางการเมืองที่มีบริบทซับซ้อนมากขึ้น” และ “เราเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI นำโดยค่านิยมหลัก อย่าง เสรีภาพ ความเสมอภาคและการเคารพสิทธิมนุษยชน”

หลักการ AI ที่ได้รับการปรับปรุงของบริษัทสะท้อนให้เห็นความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของ Google ในการนำเสนอเทคโนโลยีและบริการ AI ให้กับผู้ใช้และลูกค้ามากขึ้น ซึ่งรวมถึง รัฐบาลด้วย

“Google” เปลี่ยนนโยบาย ให้ใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาอาวุธ - การสอดแนมได้

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังสอดคล้องกับวาทกรรมที่เพิ่มขึ้นของบรรดาผู้นำบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าในซิลิคอนวัลเลย์เกี่ยวกับการแข่งขันด้าน AI ที่ผู้ชนะกินรวบระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดย “ชายแอม ซานการ์” (Shyam Sankar) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีหรือซีทีโอ (CTO) ของบริษัท Palantir กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “นี่จะเป็นความพยายามของคนทั้งประเทศที่ขยายขอบเขตออกไปเกินกว่ากระทรวงกลาโหม เพื่อให้ทุกคนในฐานะประเทศได้รับชัยชนะในครั้งนี้”

หลักการ AI ของ Google เวอร์ชันก่อนหน้านี้ ระบุด้วยว่า Google จะคำนึงถึงปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่หลากหลาย ส่วนหลักการ AI ใหม่ ระบุว่า Google จะดำเนินการต่อเมื่อบริษัทเชื่อว่าผลประโยชน์โดยรวมน่าจะมากกว่าความเสี่ยงและข้อเสียที่คาดการณ์ได้

บล็อกโพสต์ของ Google ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคาร กล่าวว่า หลักการ AI ของ Google จะยังคงสอดคล้องกับหลักการอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน ด้วยการประเมินอย่างรอบคอบว่าผลประโยชน์นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่

หลักการ AI ใหม่ของ Google ได้รับการรายงานครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ เมื่อวันอังคาร ก่อนการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Google ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์รายได้ของวอลล์ สตรีทและส่งผลทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมากถึง 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

“Google” เปลี่ยนนโยบาย ให้ใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาอาวุธ - การสอดแนมได้

Google ก่อตั้งหลักการ AI ของตัวเองขึ้นในปี 2018 หลังจากปฏิเสธต่ออายุการทำสัญญากับรัฐบาลใน “Project Maven” โครงการที่ช่วยรัฐบาลในการวิเคราะห์และถอดความวิดีโอจากโดรนด้วยการใช้เทคโนโลยี AI โดยก่อนจะยุติข้อตกลงดังกล่าว พนักงานหลายพันคนของ Google ได้ลงนามในคำร้องคัดค้านสัญญาและอีกหลายสิบคนลาออกเพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของบริษัท นอกจากนี้ Google ยังถอนตัวจากการประมูลสัญญาระบบคลาวด์ของกระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอน มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทไม่แน่ใจว่าจะสอดคล้องกับหลักการ AI ของบริษัทหรือไม่ในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนทิศทางมาสู่การมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีและบริการ AI ให้กับลูกค้าหลากหลายระดับ ในตอนนี้ทีมของซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) CEO ของ Google กำลังไล่ล่าให้ได้มาซึ่งการทำสัญญากับรัฐบาลกลางอย่างจริงจัง จนนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในบางหน่วยงานของบริษัท Google ที่เคยเปิดให้พนักงานแสดงจุดยืินและแสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา

บล็อกโพสต์ของ Google ระบุว่า “เราชื่อว่าบริษัท รัฐบาลและองค์กรที่แบ่งปันค่านิยมเหล่านี้ควรทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง AI ที่ปกป้องผู้คน ส่งเสริมการเติบโตทั่วโลกและสนับสนุนความมั่นคงของชาติ”

อย่างไรก็ตาม ในปีที่แล้ว Google เพิ่งเลิกจ้างพนักงานกว่า 50 คนที่ประท้วงต่อต้าน “Project Nimbus” สัญญาร่วมระหว่าง Google กับบริษัท Amazon มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ในการให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์และบริการ AI แก่รัฐบาลและกองทัพอิสราเอล โดยผู้บริหาร Google ได้ออกมากล่าวย้ำหลายครั้งว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้ละเมิด “หลักการ AI” ของบริษัทแต่อย่างใด

ในขณะที่เอกสารและรายงานที่เผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นว่าข้อตกลงของบริษัทอนุญาตให้มอบเครื่องมือ AI แก่อิสราเอล ครอบคลุม โมเดลการจำแนกหมวดหมู่ภาพ (Image Categorization) การติดตามวัตถุ ตลอดจน จัดหาระบบการประมวลผลแบบคลาวด์และบริการ AI ให้กับรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอาวุธของอิสราเอล โดยหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์สเผยแพร่รายงานในเดือนธันวาคมที่ระบุว่า ในช่วงเวลา 4 เดือนก่อนที่จะมีการทำสัญญาใน “Project Nimbus” นั้น ทาง Google แสดงความเป็นกังวลว่า การลงนามในข้อตกลงดังกล่าวอาจจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท ด้วยเหตุผลที่ว่า บริการ Google Cloud อาจถูกนำไปใช้หรือถูกนำไปโยงว่า Google อำนวยสะดวกในการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้

ขณะเดียวกัน บริษัท Google ได้เริ่มจำกัดการอภิปรายภายในเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามในฉนวนกาซา

Google ประกาศแนวทางที่อัปเดตสำหรับ “Memegen” ฟอรัมภายในบริษัท เมื่อเดือนกันยายนปี 2024 ที่ผ่านมา โดยจำกัดการสนทนาทางการเมืองเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางภูมิศาสตร์การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทางทหาร การดำเนินการทางเศรษฐกิจและข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดน

อย่างไรก็ตาม Google ยังไม่ตอบสนองทันทีต่อการร้องขอความคิดเห็นใด ๆ

ที่มา: CNBC

CREDIT ภาพ: Reuters

related