AI พลิกวงการธุรกิจ Microsoft ชี้ 5 เทรนด์ AI ที่ต้องจับตามองในปี 2025
ปีที่ผ่านมา AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป ในปี 2568 นี้ AI จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งฉลาดขึ้น ทำงานได้หลากหลายขึ้น และถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
SHORT CUT
- Microsoft เผย ปี 2025 AI กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งฉลาดขึ้นและทำงานได้หลากหลายขึ้น องค์กรต้องนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
- AI Agent จะเข้ามาช่วยงาน Routine ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า และ AI จะสามารถประมวลผลข้อมูลจากสื่อหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง
- องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกคนในสังคม
ปีที่ผ่านมา AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป ในปี 2568 นี้ AI จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งฉลาดขึ้น ทำงานได้หลากหลายขึ้น และถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้เผย 5 เทรนด์ AI ที่น่าจับตามองในปี 2568 เพื่อให้องค์กรไทย ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เตรียมพร้อมรับมือและประยุกต์ใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1.Scaling Laws : AI ยกระดับศักยภาพ เติบโตแบบก้าวกระโดด
AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วกว่าทุกการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา คาดการณ์ว่า AI จะเติบโตแบบทวีคูณในทุก ๆ ครึ่งปี ด้วยประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลัง และการนำเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้กับข้อมูลและอัลกอริทึม
AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่จะเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันและการทำงาน องค์กรต่าง ๆ จึงต้องตระหนักถึงการนำ AI มาใช้ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน พัฒนาโมเดลธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
รายงานของ IDC ในปี 2567 ระบุว่า 60% ขององค์กรทั่วโลกวางแผนที่จะนำ AI มาใช้ในธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบใน 2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการศึกษา สุขภาพ และการเงิน องค์กรไทยจึงต้องเร่งปรับตัว นำ AI มาใช้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
2.Agentic World : AI Agent ผู้ช่วยคนใหม่ในองค์กร
AI Agent จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ช่วยแบ่งเบาภาระงาน Routine ให้พนักงานโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า และช่วยให้องค์กรบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจธนาคาร AI Agent สามารถช่วยตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสาร ตรวจสอบข้อมูลลูกค้า และแจ้งเตือนพนักงานเมื่อพบข้อผิดพลาด
3.Multimodal AI : AI ที่เข้าใจสื่อทุกรูปแบบ
AI ในอนาคตจะสามารถประมวลผลข้อมูลจากสื่อหลากหลายประเภท เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และนำมาบูรณาการเข้าด้วยกัน ทำให้การสื่อสารกับ AI เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Copilot ของ Microsoft สามารถรับคำสั่ง (prompt) ได้ทั้งข้อความ เสียงพูดภาษาไทย และรูปภาพ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Voice Recognition และ Sora ซึ่งเป็น AI model ที่ช่วยสร้างวิดีโอจากข้อความ
4.Data Security : ความปลอดภัยของข้อมูล หัวใจสำคัญของการใช้ AI
AI สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งหมด องค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล (data governance) อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
ไมโครซอฟท์ แนะนำ 4 แนวทางในการเตรียมข้อมูลสำหรับการใช้งาน AI คือ การรู้จักข้อมูล, การควบคุมข้อมูล, การปกป้องข้อมูล และการป้องกันการสูญเสียข้อมูล รวมถึงนำเสนอเครื่องมืออย่าง Microsoft Purview เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลแบบเรียลไทม์
5.Responsible AI : จริยธรรม AI ต้อง “เป็นธรรม” กับทุกฝ่าย
AI ต้องถูกนำไปใช้อย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรม และเกิดประโยชน์กับทุกคนในสังคม ไมโครซอฟท์ จึงกำหนดมาตรการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม มุ่งเน้นความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความปลอดภัย รวมถึงมีคณะกรรมการตรวจสอบ และมาตรการ AI Guardrail เพื่อป้องกันการใช้งาน AI ในทางที่ผิด
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า
“AI ไม่ใช่กระแสของเทคโนโลยี แต่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการพลิกโฉมธุรกิจ ปลดล็อคข้อจำกัดและสร้างขีดความสามารถการแข่งขันใหม่ ๆ โจทย์ของ AI คือเรื่องของธุรกิจ
ซึ่งหัวใจสำคัญในการนำ AI เข้าไปใช้งานคือ ผู้บริหารจะต้องให้การสนับสนุน มีการกำหนดกลยุทธ์การใช้ AI ที่ชัดเจน เพิ่มทักษะและจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับพนักงาน รวมถึงมีมาตรการการควบคุม เพื่อให้ใช้ AI ได้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความรับผิดชอบ”
