SHORT CUT
ส่องศักยภาพ Apple Intelligence (AI) ที่มาพร้อมๆกับไอโฟน 16 iPhone 16 มีอะไรบ้าง ? แล้วทำไมคนไทยยังใช้ไม่ได้ ผู้ช่วยอัจฉริยะที่เป็นภาษาไทย ?
นับได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการไอที กับการเปิดตัว iPhone 16 ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2024 หรือตรงกับเวลาไทยคือเที่ยงคืน วันที่ 10 ก.ย. 2024 ในงาน Apple Event It’s Glowtime
และอีกหนึ่งประเด็นจากการเปิดตัว iPhone 16 ที่มีประเด็นน่าสนใจก็คือ ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ติดมากับโทรศัพท์ อย่าง Apple Intelligence หรือเป็นกิมมิกเขียนย่อด้วยความว่า AI ได้เช่นกัน นั่นเอง
สำหรับการที่ได้ใช้ Apple Intelligence จะใช้ได้เฉพาะเครื่อง iPhone 16 ที่ตั้งค่า Region เป็น US English เริ่มจาก iOS 18.1 เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจะเป็น Beta test ในสหรัฐฯ และรองรับภาษาอังกฤษเท่านั้น
ขณะที่ในช่วงเดือนธันวาคม จะเพิ่มการรองรับภาษาอังกฤษท้องถิ่นใน ออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักร
ในปี 2025 จะรองรับภาษาจีน, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น และสเปน , นั่นหมายความ ไทย ยังไม่รองรับ Apple Intelligence อย่างน้อยๆ ก็ถึงปีหน้า โดยจะใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้งาน iPhone 15 Pro ขึ้นไป, iPad รุ่น M1 ขึ้นไป, MacBook ตระกูล M1 ขึ้นไป
ทั้งนี้ Apple ได้จับมือกับ OpenAI เพื่อเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ สำหรับสิ่งที่ Apple Intelligence ทำไม่ได้ โดย ผู้ใช้งาน ChatGPT แบบจ่ายเงินจะได้ใช้ฟีเจอร์พิเศษ ที่ผู้ใช้ฟรีจะไม่สามารถใช้ได้ นอกจากนี้ Apple วางแผนจับมือกับบริษัท AI อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Google เพื่อนำ Gemini เข้ามาใช้งาน
Writing Tools ซึ่งเป็นผู้ช่วยที่แสนดี ซึ่งให้ผู้ใช้เขียนข้อความได้อย่างสละสลวยโดยการปรับการเขียน พิสูจน์อักษร และสรุปข้อความได้เกือบทุกที่ที่เขียน ทั้งในแอปเมล, โน้ต, Pages และแอปของบริษัทอื่น
นอกจากนี้ ผู้ใช้ iPhone 16 สามารถบันทึก ถอดข้อความ และสรุปเนื้อหาจากเสียงได้ในแอปโน้ตและโทรศัพท์ โดยเมื่อมีการเริ่มบันทึกเสียงในแอปโทรศัพท์ในขณะที่ผู้ใช้คุยโทรศัพท์ ผู้ที่อยู่ในสายจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย Apple Intelligence ก็จะสรุปเนื้อหาเพื่อช่วยทบทวนประเด็นสำคัญ
.
Apple Intelligence ช่วยผู้ใช้ iPhone 16 จัดลำดับความสำคัญและจดจ่ออยู่กับช่วงเวลานั้นโดยการสรุปการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ และมีโหมดโฟกัสใหม่อย่าง "ลดการรบกวน" ที่จะแสดงเฉพาะการแจ้งเตือนที่อาจจำเป็นต้องโต้ตอบในทันที รวมถึง "ข้อความที่มีความสำคัญ" ในแอปเมล ซึ่งเข้าใจเนื้อหาของอีเมลและจะดันข้อความที่สำคัญต่อเวลาขึ้นมาอยู่ด้านบน
Siri มีความเป็นธรรมชาติ ยืดหยุ่น และผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ทั้งระบบมากขึ้น
ผู้ใช้สามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ทุกเมื่อบน iPhone, iPad และ Mac ทั้งยังสามารถสลับไปมาระหว่างเสียงและข้อความได้อย่างลื่นไหลขณะใช้งาน Siri เพื่อเพิ่มความรวดเร็วให้กับสิ่งที่ทำเป็นประจำทุกวัน
ด้วยความสามารถในการเข้าใจภาษาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น Siri จึงตามทันถึงแม้ผู้ใช้จะพูดตะกุกตะกัก พูดติดๆขัดๆ อย่างไรก็ตาม Siri สามารถรักษาบริบทของคำขอก่อนหน้าแล้วนำไปปรับใช้คำขอถัดไปได้
นอกจากนี้ Siri ยังมีความรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากขึ้น จึงสามารถตอบหลายพันคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตั้งค่าของอุปกรณ์ Apple ได้ ทีนี้ผู้ใช้ก็สามารถเรียนรู้ทุกเรื่อง ตั้งแต่การบันทึกวิดีโอหน้าจอ จนถึงวิธีง่ายๆ ในการแชร์รหัสผ่าน Wi-Fi
และในอนาคตอันใกล้นี้ Siri ยังมีความสามารถมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะสามารถดึงบริบทเฉพาะตัวของผู้ใช้ออกมาเพื่อนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ชาญฉลาดและเหมาะสมกับแต่ละคน อีกทั้งยังรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ และทำสิ่งใหม่ๆ ได้หลายร้อยอย่างทั้งในและระหว่างแอปของ Apple และแอปอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังมีตัวเลือกในการเข้าถึงความรู้ระดับโลกหลากหลายแขนงของ ChatGPT จากประสบการณ์การใช้งานภายใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ผู้ใช้จึงสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของ ChatGPT รวมถึงความสามารถในการเข้าใจรูปภาพและเอกสารโดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเครื่องมือต่างๆ
ใน ไอโฟน 16 - iPhone 16 จะมีคุณสมบัติความทรงจำในแอปรูปภาพให้ผู้ใช้สร้างภาพยนตร์ที่อยากดู เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย (อาทิ พิมพ์ว่า ใส่ชุดสีแดง ขี่จักรยาน ไอโฟนก็จะเรียกภาพเหล่านั้นขึ้นมาให้)
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ภาษาตามธรรมชาติเพื่อค้นหารูปภาพที่ต้องการ ส่วนการค้นหาในวิดีโอก็ทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยความสามารถในการค้นหาช่วงเวลาที่ต้องการในคลิป นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ Clean Up ที่สามารถตรวจหาและลบวัตถุรบกวนสวยตาในฉากหลังของภาพโดยไม่ส่งผลใดๆ ต่อตัวแบบในภาพ
Apple Intelligence ยังมีอีกหลายคุณสมบัติที่จะทยอยเปิดให้ใช้งานทั้งภายในปีนี้และในเดือนต่อๆ ไป
อาทิ Image Playground ที่ให้ผู้ใช้สร้างรูปภาพสนุกๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Image Wand ที่จะทำให้โน้ตดูน่าสนใจยิ่งขึ้นโดยการเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าวๆ เป็นภาพที่สวยงาม และเมื่อผู้ใช้วงพื้นที่ว่างๆ Image Wand ก็จะสร้างภาพขึ้นมาโดยใช้บริบทจากพื้นที่รอบข้าง
ส่วนอิโมจิก็ล้ำแบบใหม่แบบสับ ไปอีกระดับอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนด้วยความสามารถในการสร้าง Genmoji ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย หรือเลือกรูปภาพของเพื่อนหรือสมาชิกครอบครัว
สิ่งที่ทำให้ Apple Intelligence ดูล้ำมาก คือ การ integrate เชื่อมโยงแอปต่างๆได้ โดยการเปิด API ให้นักพัฒนาแอป เรียกใช้งาน ส่วนนี้เรียกว่า App Intents Framework ซึ่ง นักพัฒนาส่วนใหญ่ จะใช้ API นี้ในการเพิ่มความสามารถด้าน AI ของตัวเองเข้าไป เพราะจะทำให้แอปดูดีมีราคา สามารถเก็บเงินลูกค้าเพิ่มได้ด้วย
โดยสรุปแล้ว Apple Intelligence (AI) จะ มอบประสบการณ์ที่เพลิดเพลิน เป็นธรรมชาติ ใช้ง่าย และออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ ที่สำคัญสำหรับแต่ละคน