SHORT CUT
ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มวิดีโอสัญชาติจีน อาจปิด TikTok ในสหรัฐฯ หากสู้กฎหมายแบนไม่ได้ ดีกว่าขายให้คนอื่น
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสัญชาติจีนยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก กำลังเผชิญความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อย่างหนัก เมื่อ โจ ไบเดน ประธะานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามผ่านกฎหมายแบน TikTok ของสหรัฐฯ โดยบังคับให้บริษัทแม่ ขาย TikTok ออกภายใน 9 เดือน หรือไม่งั้นจะถูกแบน เป็นผลมาจากความกังวลว่าจีนจะใช้กฎหมายบังคับให้บริษัทส่งข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ให้รัฐบาลจีนไปสอดแนม
สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างอิงแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ 4 แหล่ง บอกว่า ByteDance อยากที่จะถอนตัว , ปิดแอปฯ และปิดการให้บริการในสหรัฐฯ มากกว่าที่จะยอมขายกิจการ TikTok ให้กับบริษัทอื่น
ระบบต่าง ๆ ของ TikTok ที่จะส่งคอนเทนต์ขึ้นฟีดของเราตามความชอบ หรือที่เรียกว่า อัลกอริทึม เป็นหัวใจหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของ ByteDance ดังนั้นแหล่งข่าวจึงเชื่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่ ByteDance จะยอมปล่อย TikTok ไปง่าย ๆ
ผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ มีราว 170 ล้านผู้ใช้ ขณะที่ผู้ใช้ทั่วโลกมีกว่า 1,000 ล้านผู้ใช้ ตัวเลขนี้ยิ่งตอกย้ำว่า ByteDance จะไม่ยอมปล่อย TikTok ไปง่าย ๆ และเลือกที่จะปิดการให้บริการในสหรัฐฯ ในกรณีที่แย่ที่สุด แทนการขายทั้งบริษัทให้คนอื่น
ในกฎหมายแบน TikTok ที่ โจ ไบเดน เซ็นต์นั้น มีกำหนดไว้ให้ 9 เดือน ที่จะบังคับให้ ByteDance ขายกิจการให้เรียบร้อยไม่เช่นนั้นอาจถูกแบนจากสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 19 มกราคม 2568
หลายคนอาจคิดว่า "สหรัฐฯแบน คนไทยก็ต้องยังใช้ได้สิ ไม่ส่งผลกระทบหรอก" แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผู้ให้บริการระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ที่คนครึ่งโลกใช้อย่าง Google ก็จำเป็นต้องถอดแอปฯ TikTok ออก ทำให้ผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถโหลดแอปฯใน Play Store ได้ ส่วน iPhone ของ Apple ก็จะโหลด TikTok จาก App Store ไม่ได้เช่นกัน
เพราะ Apple และ Google เป็นบริษัทสหรัฐฯ จึงต้องทำตามกฎหมายสหรัฐฯ ถ้ากฎหมายสั่งให้แบน ก็ต้องทำตาม
การแบนแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับบริษัทสัญชาติจีนครั้งแรก ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ก็แบน Huawei บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงมาแล้ว ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Huawei รุ่นใหม่ ๆ ก็ต้องไปโหลด Play Store มาติดตั้งเอง
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง