SHORT CUT
กล้องนิรภัย หรือ กล้อง AI แบบใหม่กำลังถูกทดลองในเมืองซัสเซ็กซ์ ของสหราชอาณาจักร เพื่อตรวจจับว่าผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก่อนประมวลผลด้วยเทคโนโลยีโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และส่งไปให้ตำรวจดำเนินคดี
เว็บไซต์ของสำนักงานทางหลวงแห่งสหราชอาณาจักร หรือ National Highways ระบุในเว็บไซต์ว่า กำลังทดลองเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถตรวจจับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยหรือใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถได้โดยอัตโนมัติ โดยมีตำรวจทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ 10 นายใช้ชุดอุปกรณ์ใหม่ซึ่งติดตั้งไว้กับยานพาหนะหรือรถพ่วง และมีกล้องหลายตัวที่ให้มุมมองที่หลากหลายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เทคโนโลยีรูปแบบใหม่บันทึกภาพผู้ขับขี่รถยนต์ที่ผ่านไปมา ภาพดังกล่าวได้รับการประมวลผลโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้ขับขี่รถยนต์อาจใช้โทรศัพท์มือถือ หรือผู้ขับขี่อาจไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นภาพดังกล่าวจะถูกส่งไปยังตำรวจเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ผู้ขับขี่อาจถูกปรับสูงสุดถึง 500 ปอนด์ สำหรับการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขณะใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถอาจมีโทษปรับสูงสุด 1,000 ปอนด์ และตัดแต้มถึง 6 คะแนน
National Highways เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยี นี้ในปี 2021 ขณะที่ Devon และ Cornwall Police ใช้เทคโนโลยีนี้ในปี 2022 ในช่วงสองสามสัปดาห์แรก มีผู้ถูกตำรวจจับเกือบ 600 คนโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยบนถนนเดวอนและคอร์นวอลล์ กล้องจับภาพคนไม่คาดเข็มขัดนิรภัยได้ 590 คน และอีก 40 คนขับรถขณะใช้โทรศัพท์มือถือ
ตำรวจได้ส่งจดหมายเตือนถึงอันตรายจากพฤติกรรมของพวกเขา เนื่องจากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าจะมีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าสี่เท่าหากคุณใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นสองเท่าหากคุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ล่าสุด การทดสอบกำลังขยายออกไป ในการทำงานร่วมกับตำรวจมากขึ้น เพื่อช่วยเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเทคโนโลยีบนถนน และเตรียมเปิดใช้งานทั่วสหราชอาณาจักรในอนาคต ซึ่งการทดลองใช้ครั้งล่าสุดเริ่มเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และจะดำเนินไปจนถึงเดือนมีนาคม 2025
Matt Staton หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนแห่งชาติกล่าวว่า “เรารู้ว่าการขับรถโดยไม่มีสมาธิและการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเป็นปัจจัยสำคัญในเหตุการณ์จำนวนมากที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส เราต้องการลดการขับขี่ที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงที่เกิดกับทั้งคนขับและบุคคลอื่น เราเชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีเช่นนี้จะทำให้ผู้คนคำนึงถึงพฤติกรรมการขับขี่ของตนอย่างจริงจัง
ที่มา : Nationalhighways