SHORT CUT
ย้อนทำความเข้าใจ ก่อนชม ภาพยนตร์ Dune ดูน หรือ “Dune: Part Two” ดูน ภาค 2 ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยาย Sci-Fi ระดับตำนาน และความฝันที่กลายเป็นจริงของผู้กำกับ Denis Villeneuve (เดอนี วีลเนิฟว์)
ภาพยนตร์ DUNE ถือเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในช่วงต้นปี 2024 , ผลงานภาพยนตร์ของ Denis Villeneuve ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยาย Sci-Fi ระดับตำนานในชื่อเดียวกันของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต Frank Herbert เป็นที่ตั้งตารอคอยของคอภาพยนตร์คนทั้งโลก , โดยสาเหตุที่มีผู้คนตั้งตาและเฝ้ารอคอยนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความยิ่งใหญ่อลังการของเนื้อเรื่อง และ ฉาก งานสร้าง, และเนื้อหาที่เข้มข้นแทนภาพการเมือง และยังเชื่อมจิตกับผู้คนทั้งโลก โดยในตอนที่เป็นนิยายเล่าผ่านตัวอักษรนั้นถือว่า DUNE ทรงอิทธิพลให้กับแวดวงวิทย์-ไซไฟไว้อย่างมากมายตลอดเวลาหลายๆทศวรรษที่ผ่านมา , และผู้คนต่างเฝ้ารอให้ เรื่องราวต่อๆไป สงครามแห่งพิภพทรายกำลังเดินทางจะสู่บทสรุปบนจอภาพยนตร์
สำหรับ ในเรื่องราว ออริจินัลดั้งเดิมของบทประพันธ์ ของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต Frank Herbert นั้น ...รู้หรือไม่ว่า จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องราวใน หนัง DUNE นั้น , มันเริ่มต้นมาจากสงครามมนุษย์กับ AI , เรื่องราวของ Dune เริ่มต้นที่ยุคสมัย 10191 AG (ที่ย่อมาจาก After Guild) หรือตรงกับยุคสมัย 23352 A.D. (คริสต์ศักราช) ซึ่งหมายความว่าเรื่องราวใน หนัง DUNE นั้น มีความห่างกับระยะเวลาในความเป็นจริงสองหมื่นกว่าปีในอนาคต
โดยก่อนหน้าเหตุการณ์ในหนัง DUNE มนุษย์เคยสู้รบกับเหล่า AI และจักรกลที่ทรงพลังคล้ายๆ กับองค์กรสกายเน็ตในแฟรนไชส์ หนังคนเหล็ก (The Terminator) แห่งยุค 90s ที่เป็นหนังแจ้งเกิดของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ มาแล้ว
สงครามครั้งนี้ เรียกว่า ‘บัตเลเรียน จิฮัด (Butlerian Jihad)’ ผลลัพธ์คือมนุษย์รบชนะจักรกล AI จากบทเรียนที่ได้รับ ทำให้มนุษย์ ตระหนักอย่างสุดหัวใจ ว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้เท่ากับมนุษย์ด้วยกันเองอีกแล้ว ต่อจากนั้นก็เลยเกิดภาพการเมือง การแย่งชิงฯ ขุมทรัพย์ และ ทรัพยากรต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ในเรื่อง DUNE แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลยที่มีศักดิ์เท่ากันในแง่สติปัญญาและการสร้างอารยธรรม Dune จึงเป็นหนังไซ-ไฟอวกาศที่มีแต่มนุษย์ ล้วนๆ หรือมนุษย์ของแทร่
ในช่วงที่ Frank Herbert ผู้เขียนนิยาย DUNE นั้นเริ่มต้นจินตนาการและเรียบเรียงไอเดียเขียนเรื่องนี้ เขาใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลและลงมือเขียนนิยายเรื่อง Dune นานกว่า 5 ปี ก่อนที่จะออกมาเป็นนิยายจำนวน 2 ตอน ในชื่อ Dune World (1963) และ The Prophet of Dune (1965) ซึ่งตีพิมพ์บนนิตยสาร Sci-Fi ชื่อ Analog Science Fiction and Fact และในปีเดียวกันก็ได้ออกตีพิมพ์ในฉบับหนังสือนิยายเล่มแรกในชื่อ Dune และออกนิยายภาคต่อตามมาอีกจำนวน 5 เล่ม ได้แก่ Dune Messiah (1969), Children of Dune (1976), God Emperor of Dune (1981), Heretics of Dune (1984) และ Chapterhouse: Dune (1985) และสุดท้าย ด้วยความที่มันเต็มไปด้วยประเด็นร่วมสมัย ที่เหนือกาลเวลา (timeless) ทั้งเรื่องของการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทรัพยากร ระบบนิเวศ สังคม การเมือง อำนาจ สงคราม ผู้นำ และศาสนา กับการใช้ศรัทธาชี้นำ จึงทำให้ เรื่องราวเหล่านี้ ถูก ผลักดัน และ สร้างเป็น DUNE และ “Dune: Part Two” ในรูปแบบของภาพยนตร์
โดยหากจะปูพื้นแบบง่ายๆ สำหรับการดูภาพยนตร์เรื่อง ดูน นั้น ภาพยนตร์ DUNE - ดูน ได้บอกเล่าเรื่องราวของอนาคตอันไกลโพ้น ที่มนุษย์ได้ออกเดินทางไปตั้งถิ่นฐานบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ซึ่งดวงดาวแต่ละดวงจะถูกปกครองโดยเหล่าขุนนางที่ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิบนบัลลังก์สิงโตทอง
เรื่องราวของ ดูน DUNE เกิดขึ้นเมื่อจักรพรรดิ ผู้ทรงอิจฉาริษยาในคะแนนเสียงและความนิยมของตระกูลอะเทรดีส จักรพรรดิจึงได้ส่งตระกูลอะเทรดีสไปปกครอง อาร์ราคิส แทนที่ตระกูลฮาร์คอนเนน ผู้ปกครองคนเก่าซึ่งได้รับความมั่งคั่งจากการค้า สไปซ์ (spice) ขุมทรัพย์ที่สามารถค้นพบได้เฉพาะในดาวดวงนี้เท่านั้น ทั้งสองตระกูลเกิดความขัดแย้งไม่ลงรอย และขบเหลี่ยมกันจนเสียจนผู้รอดชีวิตฝั่งตระกูลอะเทรดีสเหลือเพียง พอล อะเทรดีส ทายาทแห่งตระกูล และเลดี้เจสสิกา แม่ของเขา ที่ได้หลบหนีมาอาศัยกับพวกชนพื้นเมืองเฟรเมน เพื่อสะสมอำนาจและทวงคืนสิทธิในการปกครองดาวอาร์ราคิสจากศัตรู
นั่นหมายความว่า สไปซ์ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากเสียยิ่งกว่าทองหรือเพชรนิลจินดาชิ้นใดในจักรวาลนี้ ด้วยความที่มันมีสรรพคุณมากมาย ทั้งการกระตุ้นสมองจนเกิดพลังจิต ทำให้อายุยืนยาว และยังเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการเดินทางข้ามดวงดาวอีกด้วย บทความนี้จึงอยากพาทุกคนมารู้จักกับวิธีเดินทางข้ามดวงดาวในจักรวาลที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ว่าความเป็นจริงที่ไร้ซึ่งสไปซ์ หลักการเดินทางไปในห้วงอวกาศจะเป็นอย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง