Adobe Firefly เปิดแอปแยก ใช้ AI ในการสร้างภาพได้แบบอิสระ ด้วยคำสั่งภาษาไทย
นักออกแบบหรือครีเอทีฟที่ใช้งาน Adobe Creative Cloud ย่อมต้องใช้ Adobe Firefly ร่วมด้วย เพราะนำ generative AI มาใช้ในการสร้างภาพใหม่ๆ ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม พร้อมใช้คำสั่งในภาษาไทยได้ดีขึ้น
หลังจากทดสอบระบบเบต้าเป็นเวลาหลายเดือน Adobe ได้ประกาศว่าขั้นตอนการพัฒนาโมเดล AI เจนเนอเรชั่นใหม่ของ Adobe Firefly พร้อมให้ใช้งานในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยบริการต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Adobe Creative Cloud
- Adobe Express
- Adobe Experience Cloud
การปรับเปลี่ยนใหม่ในครั้งนี้ หมายถึงการทำงานที่ยังจำกัดอยู่เฉพาะแอป Adobe Firefly บนเวอร์ชันเบต้า สิ่งที่จะทำได้คือ
- การเปลี่ยนสีแบบเวกเตอร์ของ Illustrator
- เอฟเฟกต์ข้อความเป็นรูปภาพแบบ Express
- เครื่องมือ Generative Fill ของ Photoshop
แต่เครื่องมือเหล่านี้ อัปเกรดให้ใช้งานสำหรับสมาชิกที่จ่ายเงินแล้ว ยกเว้นจีนที่ยังมีข้อกฏหมายที่เข้มงวดบางประการ
การที่อะโดบียังเปิดตัวเว็บแอป Firefly แยกออกมา เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานบางอย่างได้ โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อสร้างผลงานบน Adobe Creative Suite
แต่ผู้ที่ต้องการใช้ Adobe Express Premium และ Firefly จะต้องเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินสมัครสมาชิก Creative Cloud เท่านั้น
นอกจากนี้ Adobe Firefly for Enterprise ก็เปิดให้ใช้งานเครื่องมือนี้ได้แล้วเช่นกัน จึงเหมาะกับธุรกิจที่กำลังมองหาโมเดล AI เพื่อสร้างภาพทางการตลาดสำหรับขายหรือประชาสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยไม่ติดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ Adobe Firefly ยังรองรับการสั่งงานแบบภาษาไทย และรองรับ Text Prompt (คำสั่ง) ในภาษาอื่นๆ มากกว่า 100 ภาษา เพื่อช่วยสร้างภาพที่มีคุณภาพสูงพร้อมเอฟเฟ็กต์ได้ตามคำสั่งที่น่าสนใจ โดยมีความละเอียดของภาพสูงเหมาะแก่การนำไปใช้งานกราฟิกอื่นๆ ได้อีก
อย่างไรก็ตาม Adobe ยังวางแผนที่จะปรับอินเทอร์เฟซสำหรับผู้ใช้งาน ให้รองรับมากกว่า 20 ภาษา จากที่มีอยู่ในตอนนี้ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น สเปน และโปรตุเกสแบบบราซิล
โดยในระบบ Adobe Firefly มีภาพที่เจนเนอเรทไปแล้วมากกว่า 1,000 ล้านภาพ หลังเปิดตัวไปเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
