svasdssvasds

Google ส่ง Gemini ลงสนามสู้ ChatGPT เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้

Google ส่ง Gemini ลงสนามสู้ ChatGPT เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้

นอกจาก Bard แล้ว Google พยายามดัน Gemini มาเป็นคู่แข่งของ GPT-4 จาก OpenAI เตรียมเปิดใช้งานสาธารณะเร็วๆ นี้ เพื่อลงแข่งขันอย่างเต็มที่

Google ได้เปิดตัว Gemini ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ GPT-4 ซึ่งสามารถประมวลผลได้มากกว่า 5 เท่า และสามารถเข้าถึงข้อมูลการฝึกอบรมที่เป็นกรรมสิทธิ์มากมายที่ Google มี คาดว่า Google มีแผนที่จะเปิดตัวโมเดลภาษาล่าสุดสู่สาธารณชนภายในสิ้นปีนี้ในเดือนธันวาคม 2566

ทั้งนี้ นักวิจัยตลาดคาดการณ์ว่า ตลาด generative AI จะมีมูลค่า 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2575 และ ChatGPT จาก OpenAI ก็มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน

ทั้งนี้ การเติบโตของ AI ทำให้ Google พยายามที่จะพัฒนาเทคโนโลยี และก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในตลาด AI รุ่นใหม่ โดยประเดิมลงสนามด้วย Bard ซึ่งเป็น AI แชทบอทด้านการสื่อสาร 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวโมเดลภาษาตัวใหม่ (PaLM 2 LLM) ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองตลาด

Credit Pic : Unsplash

สำหรับโมเดลเอไอ ที่ชื่อ Gemini ของ Google นี้ ได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับชิป TPUv5 มีความสามารถในการทำงานพร้อมกันกับชิป 16,384 ตัว ทำให้ชุดข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดลนี้ ประกอบด้วย Token ประมาณ 65 ล้านล้านโทเค็น เนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ต่างๆ จาก YouTube รวมถึงเทคนิคการฝึกอบรมที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาจาก AlphaGo ก็เป็นส่วนหนึ่งในการนำมาใช้เพื่อการฝึกอบรมเช่นกัน

ทั้งนี้ จึงเป็นไปได้สูงว่า Gemini ของ Google มีประสิทธิภาพเหนือกว่า GPT-4 ของ OpenAI จากเหตุผลคือ

  1. ความสามารถของโมเดล AI ในการสร้างข้อความและรูปภาพ
  2. ข้อมูลการฝึกอบรมที่เป็นกรรมสิทธิ์ที่ Gemini ได้รับจากบริการต่างๆ ของ Google 
  3. ความร่วมมือระหว่างทีม DeepMind และ Brain ของ Google

อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้เชี่ยวชาญภายใต้ Google นำโดย Sergey Brin (ผู้ร่วมก่อตั้ง Google), Paul Barham (นักวิทยาศาสตร์ AI อาวุโสของ DeepMind และผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้ของเครื่อง) และนักวิจัย AI คนอื่น ๆ มารวมตัวกัน อาจเป็นความเสี่ยงว่าข้อมูลที่เราฝากไว้ในบริการต่างๆ ของ Google อาจถูกนำมาใช้ในการพัฒนา AI นี้

Credit Pic : unsplash

หากมองในแง่ดี Gemini ของ Google อาจจะมาช่วยให้การทำงานในอนาคตของเราง่ายขึ้น เพราะจะมีเครื่องมือที่ช่วยตอบสนองความสะดวกในการใช้ข้อมูลหลายแง่มุม แต่ทางร้ายคือเราจะโดนลดทอนสิทธิ์ในข้อมูลของตนเอง

 

ที่มา : Thetechoutlook

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

related