รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่ในช่วงเตรียมงาน แอปที่ปล่อยดาวน์โหลดตอนนี้เป็นของปลอม ยัน ประชาชนได้เงินก้อนนี้ใช้ช่วงไตรมาสแรกปี 2567 แน่นอน
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวของสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ว่า นโยบายเงินดิจิทัล 10000 บาท ของพรรคเพื่อไทยนั้น ยังอยู่ในช่วงหารือกันกับคณะทำงาน ยังไม่ได้ทำแอปพลิเคชั่นที่มีการส่งต่อในตอนนี้ คาดว่าเงินก้อนนี้จะโอนให้ประชาชนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 อย่างช้าคือช่วงเมษายน 2567 เพื่อให้นำไปใช้ในช่วงสงกรานต์
ทั้งนี้ ไทม์ไลน์ที่วางไว้ในเรื่องของการทำงานคือต้องจัดการระบบใหม่ทั้งหมดไม่ทำผ่านแอปเป๋าตังที่มีอยู่เดิม ทำให้ต้องใช้เวลาในการสร้างใหม่ทั้งหมด และเรื่องของงบประมาณที่ต้องรอการจัดสรรจากคณะรัฐมนตรีก่อน คาดว่าจะมีการใช้งบในการทำโครงการนี้ ทั้งหมด 560,000 ล้านบาท
ส่วนข้อสงสัยว่า เงินก้อนนี้จะมาจากแหล่งไหนบ้าง ทางคุณเผ่าภูมิระบุว่า เป็นเงินที่จัดสรรมา 3 ก้อนคือ
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าโครงการดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการนี้
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ การทำระบบนโยบายเงินดิจิทัล 10000 บาท นั้น เป็นการทำขึ้นมาใหม่เองของรัฐบาล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเอกชนรายใดทั้งสิ้น แต่ในอนาคตหากมีการจัดซื้อจัดจ้างระบบใดๆ เพิ่มเติมจากเอกชน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับเอกชน หรือคาดว่าจะใช้ระบบเหรียญของรายใด ตามที่เป็นกระแสข่าวออกมา
อย่างไรก็ตาม ด้านการทำงานมีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ บ้างแล้ว สิ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากทำคืออยากให้ระบบบล็อกเชนที่ทำขึ้นมานี้ เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เก็บเอาไว้ใช้ในระบบการเงินในอนาคตเพื่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องของการใช้จ่าย
ส่วนระบบบล็อกเชนที่เขียนขึ้นมานี้ จะมาแทนแอปเป๋าตังหรือไม่นั้น คุณเผ่าภูมิ กล่าวว่า แอปที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ จะเป็นหนึ่งในโครงการอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เงินที่ช่วยเหลือหรือกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในอนาคตก็จะทำผ่านช่องทางนี้ ซึ่งจะไม่มีการทำธุรกรรมผ่านแอปเป๋าตังซึ่งเป็นระบบเก่า ก็คาดหวังจะให้ประชาชนใช้งานผ่านแอปใหม่นี้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นโยบายเงินดิจิทัล 10000 บาท ที่เพื่อไทยวางแผนไว้นั้น จะเป็นแอปพลิเคชั่น ที่มีระบบการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่ใช่เหรียญคริบโตเคอร์เรนซี่หรือบิทคอยน์ มูลค่าของเหรียญจึงไม่มีขึ้นหรือลง และไม่เปิดให้มีการเก็งกำไรหรือการเทรดเหมือนหุ้นทั้งสิ้น มูลค่าของเงินนี้จะเท่ากับ 1:1 ประชาชนมั่นใจได้ว่ารับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน
ส่วนวิธีการใช้งานนั้น แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ
อย่างไรก็ตาม การสร้างระบบชำระเงินที่เป็นบล็อกเชน เป็นการสร้างระบบการตรวจสอบทางการเงินยุคใหม่ที่เพื่อไทยต้องการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายแบบรวดเร็วและทั่วถึง
ทั้งนี้ ด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง มีการตรวจสอบข้อมูลป้องกันการทุจริตและป้องกันการแฮคข้อมูลได้ดีกว่าในปัจจุบัน
ส่วนในแง่ของประชาชนที่รับเงิน ไม่ต้องทำอะไรเลย รอประกาศให้ดาวน์โหลดเพื่อรับเงินจากทางรัฐบาลในต้นปีหน้า ด้านร้านค้า อาจจะต้องมีเรื่องของวิธีการลงทะเบียนและข้อปฏิบัติอีกครั้ง เนื่องจากต้องเป็นร้านค้าที่จ่ายภาษีอย่างถูกต้อง