svasdssvasds

AI สุดเจ๋ง! ช่วยชีวิตคนเป็นอัมพาต ฝังชิปสมองให้กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

AI สุดเจ๋ง! ช่วยชีวิตคนเป็นอัมพาต ฝังชิปสมองให้กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

AI ปัญญาประดิษฐ์ได้กลับมาทำให้โลกตะลึงอีกครั้ง เนื่องจากมีการทดลองฝังชิปลงสมองของผู้ป่วยอัมพาต และปรากฎว่าชิป AI สามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง ซึ่งนี่อาจเปลี่ยนวงการแพทย์ไปเลยก็ว่าได้

AI กำลังมาพลิกวงการแพทย์อีกครั้ง เนื่องจากได้มีการทดลองวิจัยฝังชิปลงสมองของผู้ป่วยอัมพาต และทำให้ผู้ป่วยอัมพาตกลับมามีความรู้สึกและสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง ซึ่งการฝังชิปสมองหรือ Brain–Computer Interfaces (BCIs) นับเป็นอีกเทคโนโลยีที่ทั่วโลกรอคอยการพัฒนา เพราะหากสำเร็จจะสามารถช่วยเหลือเหล่าผู้พิการได้ทั่วโลก 

AI สุดเจ๋ง! ช่วยชีวิตคนเป็นอัมพาต ฝังชิปสมองให้กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ผู้ป่วยที่ทดลองฝังชิปลงสมองมีชื่อว่า Keith Thomas เป็นชายหนุ่มสุขภาพดีวัย 40 ปี แต่เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ได้ประสบอุบัติเหตุจากการดำน้ำ และเป็นอัมพาตที่เสียทั้งการเคลื่อนไหวและความรู้สึกตั้งแต่หน้าอกลงไป ซึ่ง Keith Thomas ได้รับการติดต่อจากทางสถาบัน Feinstein เพื่อขอวิจัยเรื่องการฝังชิป AI ลงในสมอง

การศึกษาและค้นหา Brain Mapping หรือการทำแผนที่สมองของ Keith Thomas ใช้เวลากว่า 1 ปีด้วยวิธี Magnetic Resonance Imaging (MRI) ค้นหาว่าคลื่นสมองบริเวณไหนที่ช่วยให้ขยับแขนได้ และจะทำการฝังชิปลงสมองในถูกจุด

หลังจากระบุตำแหน่งได้แล้วในขั้นตอนการผ่าตัด โดยใช้เวลาผ่าตัดไปกว่า 15 ชั่วโมง จากนั้นก็มีการติดตั้งชิป AI เพิ่มเติม พร้อมติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อภายนอก เพื่อให้สามารถต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์จนนักพัฒนาสร้างอัลกอริธึม AI ที่ตีความการทำงานของสมอง พร้อมเปลี่ยนให้เป็นกิจกรรมทางกายได้

Keith Thomas กลับมาขยับแขนได้อีกครั้ง เพียงแค่นึกถึงการขยับในหัว ตัวชิป AI ที่ติดตั้งจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่อยู่บนปลายนิ้วและฝ่ามือทันที ด้วยการแปลงสัญญาณไปยังอิเล็กโทรดที่อยู่เหนือกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อแขน จนกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวและรู้สึกได้ถึงแรงกดจากการสัมผัสได้ในที่สุด

เรียกได้ว่า AI เข้ามาพลิกวงการแพทย์เลยก็ว่าได้ ก่อนหน้านี้ Neuralink ของอีลอน มัสก์ ก็ได้กำลังพัฒนาการฝังชิปลงสมองเช่นกัน โดยปกติแล้วโรคอัมพาตไม่สามารถรักษาได้ง่ายๆ หากพัฒนาได้สำเร็จจนใช้งานได้จริงก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยอัมพาตได้ทั่วโลก

ที่มา : techspot

related