พามาดูสูตรสำเร็จการนำนวัตกรรมมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเงินไทยที่ผ่านมา มีอะไรสำเร็จไปแค่ไหน เพราะนวัตกรรมได้ย่อโลกการเงินไทยมาไกลมาก และช่วยให้ประชาชนในยุคดิจิทัลได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แบงก์ชาติ แนะให้ลุยต่อยอด เพราะสิ่งนี้จะดันชีวิตคนไทยให้ง่ายขึ้น
ยุคนี้ คือยุคแห่งดิจิทัล และนวัตกรรม หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ภาคธุรกิจต่างนำนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารองค์กร เพื่อตอบโจทย์ชีวิตของผู้คนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่หันมาใช้นวัตกรรมมาปรับใช้ในชีวิตมากขึ้น เพราะนวัตกรรมทำให้สะดวก สบายชีวิตที่ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าหน่วยงาน หรือธุรกิจไหนที่ใช้นวัตกรรมเป็น ก็จะสามารถเป็นผู้นำในโลกยุคใหม่ได้ และสามารถแข่งขันได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SIEMENS ลงทุน 2 พันล้านยูโร มุ่งพัฒนานวัตกรรม AI เพิ่มความยืดหยุ่นในอนาคต
เปิดนวัตกรรมเครื่องแต่งกายรักษ์โลก สวมใส่สบาย ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
ภาคการเงินเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นำนวัตกรรมมาใช้มากมาย และมีการแข่งขันกันสูงมากในแต่ละค่าย แต่การแข่งขันสูงย่อมเป็นผลดีทำให้มีการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น แน่นอนว่าส่งผลดีต่อประชาชนคนไทย ล่าสุด นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวใน Special Talk เรื่องนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ที่เปลี่ยนประเทศไทย ให้ไม่เหมือนเดิม ในสัมมนา Spring Digital Life Forum 2023 : นวัตกรรม เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนโลก ที่จัดโดยสปริงนิวส์ ว่า ปัจจุบันนวัตกรรมสำคัญอย่างมากกับโลกการเงินไทย เพราะการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในโลกการเงินส่งผลดีอย่างมากกับชีวิตผู้คน เพราะง่าย สะดวก สบาย ต่อการใช้ชีวิตประจำ เพราะนวัตกรรมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างมากจากในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน ที่เริ่มมีการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ก็เริ่มทำให้ชีวิตคนไทยเปลี่ยนไป
ทั้งนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับความสำเร็จในการนำนวัตกรรมมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเงินไทย นั่น คือ เมื่อ 5 ปีก่อน ได้มีการนำระบบพร้อมเพย์มาใช้ในโลกการเงินไทย และได้มีการพัฒนาต่อยอดมาถึงปัจจุบัน สิ่งนั้นได้ย่อโลกการเงินลงมาบนมือถือได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ประชาชน พ่อค้าแม่ค้า ภาคธุรกิจ จับจ่าย และธุรกรรมทางการเงิน ได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขา ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเองก็ได้มีการต่อยอดระบบพร้อมเพย์ในการจ่ายสวัสดิการของรัฐให้ประชาชนได้สะดวกรวดเร็ว รวมถึงการคืนภาษีนิติบุคคล ได้ง่ายสะดวกผ่านพร้อมเพย์
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอด QR Code ทั้งในประเทศ และมาตรฐานสากล เชื่อมโยงกับ 6 ประเทศได้ เช่น กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว และญี่ปุ่น ให้เชื่อมโยงทางการเงินกันได้แบบสะดวก รวมถึงการต่อยอดสู่โครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน จากความสำเร็จดังกล่าวที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน พบว่ามี 78 ล้านเลขหมายแล้วที่มีการลงทะเบียนผ่านระบบพร้อมเพย์ หรือเฉลี่ย 48ล้านรายการ/วัน ไทยมีจุด QR Code ตามร้านค้าต่างๆกว่า 9 ล้านจุด ทั่วประเทศ จากผลสำรวจพบว่า 81% ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาเติบโต 5 เท่าตัว และล่าสุดมีการพัฒนาไปสู่การออกหนังสือค้ำประกัน ในหน่วยงานภาครัฐแล้ว ช่วยประหยัดเวลา ลดความยุ่งยาก ลดการใช้เอกสาร ลดความผิดพลาดได้
สำคัญที่สุดเลยนวัตกรรมทางการเงินที่เราเคยทำมา เราต้องยอดให้ได้ แชร์ความรู้สู่สังคมให้ได้ พร้อมเชื่อมต่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา และจะต้องมองความเสี่ยงในอนาคต และความปลอดภัยของประชาชนด้วย นำ AI มาต่อยอด สร้างความไว้วางใจ การกำกับดูแลที่ดีด้านความปลอดภัย อนาคตทุกอย่างอย่ในมือเรา เราต้องช่วยกันสร้าง