svasdssvasds

สหรัฐฯ กำลังแพ้สงครามเทคโนโลยี ? ดันนโยบายพลิกโลก เมื่อจีนล้ำหน้ากว่าแล้ว

สหรัฐฯ กำลังแพ้สงครามเทคโนโลยี ? ดันนโยบายพลิกโลก เมื่อจีนล้ำหน้ากว่าแล้ว

เมื่อจีกำลังนำโลกเรื่องเทคโนโลยี ทำให้สหรัฐฯ ตกเป็นผู้ตาม ในสงครามเย็น ศึกด้านเทคโนโลยี จนต้องยอมออกนโยบายพลิกโลก กีดกันการค้า งดขายของไฮเทคให้จีน แปลว่าสหรัฐฯ กำลังจะแพ้อย่างงั้นหรือ ?

ฐานเศรษฐกิจ อ้างอิงรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ของสหรัฐฯ ระบุว่า จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการวิจัยและคิดค้น “เทคโนโลยีขั้นสูง” ที่สร้างผลกระทบต่อโลก ขณะที่ชาติตะวันตก กำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศ อวกาศ พลังงาน และ เทคโนโลยีชีวภาพ

สหรัฐฯ ตัดขาตัวเอง เลิกใช้แรงงานค่าแรงถูก หวังเพิ่มอำนาจ

2 มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ จีน-สหรัฐ  เปิดสงคราม “Tech Trade War" (สงครามการค้าด้านเทคโนโลยี) กันมาพักใหญ่ นอกจากการตั้งกำแพงภาษีการค้าใส่กันไม่หยุดยั้ง ยังหันมาดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบ “Deglobalization” หรือทวนกระแสโลกาภิวัฒน์ คือ สหรัฐฯ หยุดการลดต้นทุนจากแรงงานค่าแรงต่ำ ในการผลิตชิปที่ต่างประเทศ กลับมาใช้แรงงานค่าแรงสูงในประเทศแทน 

"ทุนหนา" งานวิจัยไฮเทคเกิด

งบประมาณกลายเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อการแข่งขันของทั้ง 2 ประเทศ ที่ตั้งเป้าว่าจะเป็น “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก” นั้น ต่างต้องทุ่มทุนลงงบประมาณ “คิดค้นเทคโนโลยีขั้นสูง และผลิตผลงานวิจัย” 

เป็นที่น่าสนใจว่า สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (The Australian Strategic Policy Institute: ASPI) เปิดเผยผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า จีนผลิตผลงานวิจัย  37 ชิ้น จาก 44 ชิ้นที่ใช้เทคโลยีขั้นสูงและสร้างผลกระทบต่อโลก ขณะที่ชาติตะวันตกกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะผลงานวิจัยสำคัญๆ ทั้งด้านการป้องกันประเทศ อวกาศ พลังงาน และ เทคโนโลยีชีวภาพ

“ชาติตะวันตก กำลังสูญเสียการแข่งขันทางเทคโนโลยีระดับโลก รวมถึงการแข่งขันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการวิจัย” รายงานของ ASPI ระบุ พร้อมกระตุ้นให้รัฐบาลลงทุนด้านการวิจัยมากขึ้น

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

จีนชนะเพราะรัฐบาลคุมเอง กลายเป็นดาบสองคม

สาเหตุหลักที่จีนผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ คือ จำนวน "การผลิตผลงานวิจัยอันน่าทึ่ง" เป็นเพราะสถาบันวิจัยของจีน "อยู่ภายใต้โครงการของรัฐบาล"

รายงานของ ASPI เรียกร้องให้ชาติตะวันตก ร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อ "พัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน"

ASPI ติดตามเอกสารทางวิทยาศาสตร์ที่มีแนวโน้มสูงที่จะมีการจดสิทธิบัตร งานวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ ๆ พบว่าในปี 2564 จีนได้คิดค้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic missiles) 

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 48.49% ของเอกสารการวิจัยที่มีผลกระทบสูงของโลกมาจากจีน ทั้งในด้านเครื่องยนต์อากาศยานขั้นสูง รวมถึงระบบไฮเปอร์โซนิก"

นอกจากนี้มีข้อมูลว่า จีน ติดอันดับสถาบันวิจัยชั้นนำของโลก 7  แห่ง จากทั้งหมด 10 แห่ง แต่อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลเป็นเจ้าของโครงการและงานวิจัยส่วนใหญ่ อาจใช้ไม่ได้ผลกับทุกประเทศ

ชาติตะวันตกอย่าง สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ต้องเร่งปรับตัว

ผลงานวิจัยด้านเซ็นเซอร์โฟโตนิก (Photonic sensors) และการสื่อสารควอนตัม (Quantum communication) ที่แข็งแกร่งของจีน อาจนำไปสู่ "ยุคมืด" ของชาติตะวันตกกลุ่ม "Five Eyes" ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์

จีนมีแนวโน้มจะผงาดขึ้นมาเป็นผู้ผูกขาดเทคโนโลยี 10 สาขา ซึ่งรวมถึงชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic biology)โดยจีนผลิตงานวิจัย 1 ใน 3 ของทั้งหมด เช่นเดียวกับแบตเตอรี่ไฟฟ้า, 5G และการผลิตด้านนาโน

ที่จีนเก่งเร็วเพราะเรียนรู้จากชาติตะวันตกเร็ว

สถาบันวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยของรัฐบาล ถูกจัดอันดับที่ 1 หรือ 2 ของการคิดค้นเทคโนโลยี 44 ประเภท เช่น เทคโนโลยีการป้องกันประเทศ อวกาศ วิทยาการหุ่นยนต์ พลังงาน สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีชีวภาพ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วัสดุขั้นสูง และเทคโนโลยีควอนตัม

มีข้อมูลว่า สาเหตุหนึ่งที่จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวกระโดด เพราะนักวิจัยของจีนได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากต่างประเทศ 1 ใน 5 ของนักวิจัยชั้นนำของจีน ได้รับการฝึกฝนมาจากประเทศกลุ่ม Five Eyes ทั้งสิ้น

related