นิวยอร์ก หนึ่งในรัฐที่ประชากรมากที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา เริ่มมีผู้คนหันมาใช้รถ EV เป็นจำนวนมาก ล่าสุดมียอดจดทะเบียนกว่า 5 แสนคัน และกำลังเริ่มมีปัญหาใหญ่คือ "สถานีชาร์จไม่พอใช้งาน"
นิวยอร์ก กำลังเกิดปัญหาใหญ่ เพราะมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV เพิ่มมากขึ้นจำนวนมาก ตัวเลขในการจดทะเบียนล่าสุดมีจำนวนกว่า 5 แสนคัน และปัญหาที่พบคือ 'สถานีชาร์จไม่เพียงพอใช้งาน'
ก่อนหน้านี้ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้ประกาศว่ารัฐจะเดินตามรอยเท้าของรัฐแคลิฟอร์เนียโดยห้ามการขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันไม่ว่าจะเป็น รถกระบะ และรถ SUV ใหม่ภายในปี 2578 เช่นเดียวกับในแคลิฟอร์เนีย และนี่เป็นเหตุผลที่คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันเพิ่มมากขึ้นในเมืองนิวยอร์ก
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนิวยอร์กซิตี้คือมีที่ชาร์จไม่เพียงพอ ทั้งๆที่ในลอนดอนมีสถานีชาร์จแล้วมากกว่า 8,600 เครื่อง แล้ว ออสโล เมืองที่มีประชากรประมาณ 635,000 คน (บรู๊คลินมีประมาณ 2.5 ล้านคน) มีที่มีสถานีชาร์จมากกว่า 2,500 เครื่อง
Con Edison บริษัทไฟฟ้าของนครนิวยอร์กกล่าวว่าต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จระดับ 2 จำนวน 21,000 เครื่องและเพิ่มสถานีชาร์จแบบเร็ว 525 เครื่องภายในปี 2568 จาก 14 เดือนนับตั้งแต่ติดตั้ง เครื่องชาร์จเครื่องแรกก็ติดตั้งไปแล้วประมาณ 100 เครื่อง และเหลือเพียง 20,900 เครื่องเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ในอีก 6 ปีข้างหน้า คาดว่าครึ่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์กจะมีรถใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเมืองนิวยอร์กยังได้ตั้งเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหา โดยการลดการเป็นเจ้าของรถยนต์โดยรวม ซึ่งจะช่วยลดความต้องการที่ชาร์จได้มากพอสมควร
นิวยอร์ก สามารถขยายและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะและจักรยานของเมืองอย่างจริงจัง สามารถสร้างถนนและเขตปลอดรถยนต์แห่งใหม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ลอนดอนและออสโลได้ทำ นอกเหนือจากการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV จำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานของประชากรชาวนิวยอร์ก
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทยในปัจจุบันก็เริ่มมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงมาก และในอนาคตเชื่อว่าอาจจะมีปัญหาสถานีชาร์จไม่เพียงพอในอนาคตอย่างแน่นอน และเราคงต้องมารอดูกันว่าในประเทศไทยจะมีการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร รัฐบาลจะออกกฏเพื่อจะลดจำนวนเจ้าของรถยนต์หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ยากในประเทศไทย
ที่มา : vice