AI จะมาแทนคนจริงหรือไม่ หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นในปี 2023 หลายบริษัทระดับโลกมีการเลิกจ้างงานแรงงานคน และปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กันอย่างเต็มรูปแบบ แล้วมนุษย์จะอยู่รอดได้อย่างไร
ทำไมต้อง AI หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นในปี 2023 หลายบริษัทระดับโลกมีการเลิกจ้างงานแรงงานคน และปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กันอย่างเต็มรูปแบบ
บิล เกตส์ เจ้าพ่อเทคโนโลยี อดีตซีอีโอของ Microsoft ได้เขียนบทความในเว็บไซต์ส่วนตัวเกี่ยวกับ AI หลายครั้งว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ทุกคนกังวล แต่ก็ไม่ได้สดใสจนต้องประมาทเช่นกัน
ทั้งนี้ บิล เกตส์ ยังคงเชื่อมั่นในความสามารถของมนุษย์ในการควบคุมและพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้เป็น "ตัวช่วย" ในการใช้ชีวิตและทำงาน มากกว่าเข้ามา "แทนที่" มนุษย์อย่างที่หลายคนกังวล
แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือ มนุษย์จะสามารถ "ใช้" ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ไปในแง่มุมไหน เช่น นำเสียงของบุคคลไปปลอมแปลงเพื่อหลอกลวง หรือ สร้างรูปโปรไฟล์ ส่งข้อความ เพื่อหลอกลวงผู้คน
ผลสำรวจเกี่ยวกับการใช้งาน AI ของภาครัฐและธุรกิจทั่วโลก พบว่า มูลค่าของการลงทุนจะสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 174 ล้านล้านบาทในปี 2023 และในปี 2024 นี้ ก็มีตัวเลขเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีก 3 ปี เพียงแต่ตัวเลขการลงทุนอาจจะไม่สูงเท่าเดิมแล้ว
ในปี 2023 นอกจาก ChatGPT ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายสำหรับบุคคลทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราคุ้นเคยกับ AI มาตั้งแต่การตอบคำถามของ Siri มาก่อนแล้ว
ทั้งนี้ เรื่องของ Generative AI กับ จริยธรรมของ AI ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นจังหวะแห่งการใส่ข้อมูลอย่างอิสระและยังไม่มีกรอบเรื่องของความปลอดภัยเชิงจริยธรรมที่ดีพอ
แม้ อีลอน มัสก์ และทีมวิศวกรของแพลตฟอร์มธุรกิจต่างๆ อย่าง Google Microsoft จะมีการร้องขอให้วิศวกรในองค์กรธุรกิจต่างๆ หยุดพัฒนาและหันหน้ามาช่วยคัดกรองและจัดสรรจริยธรรมให้ชัดเจนก่อน จากนั้นค่อยเดินหน้าต่อ แต่กว่ากฎระเบียบควบคุมต่างๆ จะออกมา การพัฒนาของ AI ก็ล้ำหน้าไปจนส่งผลกระทบในแง่ของการนำไปใช้หลอกลวง และกลายเป็นสูญเงินจากเหล่าแฮกเกอร์และมิจฉาชีพไปมูลค่ามหาศาลแล้ว
หากเทียบกับการพัฒนาของ AI ในปี 2024 นั้น อาจเรียกได้ว่า มีมากกว่าเดิมจนเลี่ยงไม่ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
ความฉลาดของ Generative AI ที่มากกว่าข้อความและรูปภาพ ซึ่ง ChatGPT หรือ LLM ที่นำมาใช้เป็นฐานของโมเดลภาษาขนาดใหญ่และต่อยอดสร้างเป็นโครงสร้างภาษาอื่นๆ ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว
จริยธรรมของ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น เพื่อให้ความปลอดภัยไม่ใช่แค่กับหุ่นยนต์ แต่ซอฟต์แวร์ของ AI จะต้องคำนึงถึงมาตรฐานศีลธรรมในการนำมาใช้งานและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและรูปภาพว่าเป็นของจริงไม่ใช่ลอกเลียนแบบ
Gartner พบว่า 74% ของธุรกิจจะนำ AI Chatbot มาช่วยสื่อสารกับลูกค้าเพื่อยกระดับความพึงพอใจในแง่ของงานบริการ
แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ "AI ไม่ได้เข้ามาแทนคน" แต่เข้ามาช่วยให้คนทำงานไวขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และย่นระยะเวลาการทำงานให้น้อยลง เช่น การสรุปใจความจากข้อมูลจำนวนมาก ช่วยโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดจำนวนมาก ออกแบบภาพสำหรับการทำงานกราฟิกของคนงบน้อย เป็นต้น
แล้วทางรอดในยุค AI ที่พัฒนามากขึ้น ควรทำอย่างไรนั้น สรุปได้ว่า "ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหาความรู้ใหม่ๆ และหัดใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้มากขึ้น รวมทั้งอย่าหลงเชื่อคนบนโลกออนไลน์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์"
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม