เทรนด์บ้าน หรือ ที่อยู่อาศัย มาแรงปี 2023 ยังคงเน้นความสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง เพิ่มโซลูชันที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยรักษ์โลกแลัว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนอีกด้วย
การทำงานจากที่บ้านหรือการ Work From Home ยังคงเป็นเรื่องปกติสำหรับหลาย ๆ คนอยู่ ผู้คนจึงมองหาโซลูชันที่สะดวกสบายมากขึ้นแต่ยังคงความมีสไตล์เอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของบ้าน อย่างไรก็ตาม จากความกังวลในเรื่องภาวะโลกร้อนของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และราคาของวัสดุก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้น เราจะเห็นความต้องการของผู้บริโภคในด้านโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับแก้ปัญหาในบ้านที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ โซลูชันในการลดปริมาณการใช้น้ำ ลดการปล่อยคาร์บอน รวมไปถึงโซลูชันในการลดภาระค่าสาธารณูปโภค
สำหรับเทรนด์ใหม่เพื่อบ้านมาแรงของปี 2023 จะมีอิทธิพลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และการออกแบบตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งหัวใจสำคัญ มี 3 สิ่งโดยเฉพาะความยั่งยืน ความเปิดกว้าง และนวัตกรรม ที่น่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อันทวน เบแซร์ เดส์ ออรส์ ลีดเดอร์ (VP) ประจำลิกซิล โกลบอล ดีไซน์ ภูมิภาคเอเชีย แบ่งปันเทรนด์ใหม่มาแรงของปี 2023 โดย เทรนด์ที่มาแรงนี้ได้เริ่มมีอิทธิพลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และการออกแบบตกแต่งภายในบ้าน
เทรนด์ใหม่เพื่อบ้านมาแรงรับปี 2023
1. ความยั่งยืน การอนุรักษ์น้ำ และการลดใช้พลาสติก
ความยั่งยืนกลายมาเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ สำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการนำโซลูชันที่มีความยั่งยืนมาปรับใช้ ในปี 2023 นี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านจะถูกออกแบบเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้นโดยไม่ลดทอนประสบการณ์ที่จะได้รับในแต่ละวัน เราจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ มุ่งเข้าสู่ความยั่งยืนและเกิดการหมุนเวียน รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยปรับใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการตกแต่งภายใน ผ่านการใช้วัสดุรีไซเคิลในส่วนที่สามารถใช้ได้ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานยาวนาน พร้อมคำนึงถึงการนำไปรีไซเคิลในอนาคต นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยลดการใช้พลาสติกและน้ำอย่างต่อเนื่อง
อย่างในสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว พบว่ามีการใช้พลาสติกและน้ำภายในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น โดยหากพิจารณาจากทั่วประเทศแล้ว แต่ละคนจะใช้น้ำปริมาณ 158 ลิตรต่อวันและใช้ขวด PET 467 ล้านขวดในแต่ละปี ส่วนโถสุขภัณฑ์ ฝักบัว และก๊อกน้ำที่ใช้ทรัพยากรน้ำน้อยลงและลดการใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบจะค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งการใช้น้ำหลัก ๆ ภายในบ้าน
เช่นเดียวกับ GROHE Blue ที่มาปฏิวัติระบบน้ำ เพราะสามารถกรอง ทำความเย็น และเติมคาร์บอนลงในน้ำได้โดยตรงจากก๊อกน้ำในครัว มีส่วนช่วยในการลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกได้มากถึง 800 ขวด ลดการใช้น้ำ และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ในกระบวนการสร้างโซลูชันที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น จะนำข้อบกพร่องในการออกแบบผลิตภัณฑ์มาร่วม และหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพของการอนุรักษ์น้ำโดยไม่ลดทอนประสบการณ์และการเข้าถึงโซลูชันของผู้ใช้
2. การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มประชากรสูงวัย
แม้ว่า Inclusivity หรือการให้ความสำคัญกับทุกคนจะเป็นคำที่ใช้กันมานานหลายต่อหลายปี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงานที่เปิดกว้าง , การศึกษาสำหรับทุกคน , การใช้ภาษากลางเพื่อความเท่าเทียม ฯลฯ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องของการออกแบบพื้นที่ทางกายภาพที่ให้ความสำคัญกับทุกคนเท่าใดนัก
ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ชี้ให้เห็นว่า ประชากรสูงวัยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2050 ดังนั้นในปี 2023 นี้ เราเริ่มที่จะเห็นแนวโน้มในการผสานรวมการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคนเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่และสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่มาช่วยรับประกันว่าสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นจะเอื้อประโยชน์และพร้อมรองรับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยใด ๆ จะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น อ่างอาบน้ำ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประชากรสูงวัย ขอบของอ่างอาบน้ำที่มีขนาดกว้างขึ้นจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวก ในขณะที่อ่างแบบวอล์กอินช่วยให้สามารถเข้าใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นและป้องกันการลื่นล้ม
3. เทคโนโลยีช่วยให้เกิดความเรียบง่ายและการใช้งานได้จริง
เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์ในปี 2023 ทั้งเรื่องของความยั่งยืน การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับทุกคน และการทำให้บ้านมีสไตล์และมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จะเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างเช่น "ก๊อกน้ำแบบไร้สัมผัสและระบบชำระล้าง" ที่ช่วยลดการสัมผัสของผู้ใช้จะยังคงมีการนำมาใช้ในพื้นที่สาธารณะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสุขอนามัยและลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค แต่หากนำมาใช้ภายในบ้าน เรื่องความปลอดภัยด้านเชื้อโรค อาจไม่เป็นข้อกังวลนัก ดังนั้นการผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับบ้านจะเป็นเรื่องของความสะดวกสบายมากกว่า เช่นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับระบบฝักบัว Smart Control ซึ่งใช้นวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฝักบัวได้ตามต้องการ และควบคุมอุณหภูมิและปริมาณการใช้น้ำได้อย่างง่ายดาย
โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเทรนด์ การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน นักออกแบบ ช่างก่อสร้าง และสถาปนิกล้วนมีอิทธิพลที่จะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในการออกแบบที่ครอบคลุม การอนุรักษ์น้ำ และความยั่งยืน แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผู้ที่มองการออกแบบจากมุมของความเข้าอกเข้าใจ ความถี่ถ้วน และมีวิจารณญาณ จะมีความโดดเด่นกว่าคนอื่น เพราะตัวเขาเองนั้นกำลังเปลี่ยนชีวิตของผู้คนจำนวนมากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น