SHORT CUT
Temu ยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชจีนที่เข้ามาในไทยอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Pinduoduo ที่มาพร้อมโปรโมชั่นส่วนลดมากถึง 90% ซึ่งนี่อาจส่งผลกระทบกับธุรกิจรายย่อยในไทยอย่างแน่นอน
Temu หนึ่งในยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ชจีน ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลก โดย Temu มีจุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทในราคาที่ถูกมาก ปัจจุบันขยายไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีดีกรีที่เข้าไปตีตลาดแข่งขันกับ Amazon ได้สำเร็จ
สินค้าของ Temu ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตในจีน ไม่มีแบรนด์ แต่ความน่าสนใจคือสามารถส่งของจากจีนได้ในเวลา 4-9 วัน และยังคืนเงินได้ฟรีภายใน 90 วัน นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอาจส่งผลกระทบกับธุรกิจ SME
Temu ใช้โมเดลธุรกิจที่เน้นปริมาณการขายมากกว่ากำไรต่อหน่วย คอนเซปต์แบบ "Group Buying" ทำให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้ต่ำกว่าคู่แข่ง เรียกง่ายๆว่าเป็นการรวมออเดอร์จำนวนมากและซื้อตรงกับโรงงานผลิตจีน ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งได้เป็นอย่างดี
Temu ยังมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไปจนถึงสินค้าสำหรับบ้าน การเข้ามาในประเทศไทยยังได้ใช้โปรโมชั่นตัดราคา ลด 90% ซึ่งทำให้ราคาสินค้าถูกกว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆอย่างมาก
Temu ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขายในอัตราที่ต่ำมาก และยังมีการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ซื้อเพื่อมาแนะนำสินค้าและกระตุ้นยอดขายในแพลตฟอร์มได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาสินค้าถูกมาก คุณภาพสินค้าอาจไม่ดีเท่ากับสินค้าที่มีแบรนด์การจัดส่งสินค้าจากจีนอาจใช้เวลานานกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศและอาจมีขั้นตอนการคืนสินค้าที่ยากกว่าร้านค้าในไทย
หลายคนอาจสงสัยว่า Temu ต่างกับการสั่งสินค้าจากจีนอย่าง Taobao และ Alibaba ยังไง โดยจุดเด่นของ Temu จะเน้นไปที่ผู้บริโภคหรือเรียกง่ายๆว่าใครๆก็ซื้อได้ อยากซื้อ 1 ชิ้นก็ซื้อได้ แต่สินค้าใน Taobao และ Alibaba ส่วนใหญ่จะมีสินค้าราคาส่งสำหรับธุรกิจและผู้ค้ารายย่อยด้วย
การเข้ามาของ Temu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่จากจีน สร้างคลื่นใต้น้ำในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและธุรกิจรายย่อยอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจรายย่อยที่จำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกันกับ Temu จะต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ เช่น การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง, ลูกค้าอาจหันไปซื้อสินค้าจาก Temu มากขึ้น เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าและความหลากหลายของสินค้า
Temu อาจทำให้ธุรกิจรายย่อยอาจถูกกลบกระแสจากการทำการตลาดที่แข็งแกร่งของ Temu ก็เป็นไปได้ ประกอบกับความไม่แน่นอนของคุณภาพสินค้า การแข่งขันที่รุนแรงอาจผลักดันให้ผู้ประกอบการรายย่อยลดต้นทุนการผลิตลง ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าในประเทศไทย
การที่ Temu เข้ามาเจาะตลาดในประเทศไทย ธุรกิจในไทยจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจเพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการแข่งขันพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพและแตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
มาตรการรับมือของรัฐบาลไทยจะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% สำหรับสินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท และกำหนดมาตรฐานสินค้าให้เข้มงวดขึ้น Thailand e-Business Center (TeC) และสมาคมอีคอมเมิร์ซไทย อาจช่วยเหลือ SME ไทยในการขยายตลาดไปยังจีนและฮ่องกง แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจไทยปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นสินค้าคุณภาพสูง สร้างจุดขายที่แตกต่าง
ที่มา : Temu