ตร.พบมีการหลอกลงทุนออนไลน์ กว่า 2.4 หมื่นเคส ความเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท ใช้รูปผู้บริหารและโลโก้บริษัทดัง เพิ่มความน่าเชื่อถือ ชวนเข้ากลุ่ม VIP หลอกให้เหยื่อลงทุนเพิ่ม จนสูญเงินจำนวนมาก อีกทั้งยังปลอมเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อซ้ำอีก
พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 กรกฎาคม 2566 รับแจ้ง 300,000 กว่าเคส ความเสียหายกว่า 41,000 ล้านบาท
สถิติการรับแจ้งความหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในห้วงเวลาเดียวกัน รับแจ้ง 24,000 กว่าเคส คิดเป็น 8.14 % ของสถิติการรับแจ้งทั้งหมด ความเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท คิดเป็น 35 % ของความเสียหายทั้งหมด
สำหรับสถิติการหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในห้วงสัปดาห์ที่แล้วอยู่อันดับ 6 สัปดาห์นี้พุ่งมาอยู่อันดับ 4 โดยรับแจ้ง 274 เคส ความเสียหาย 188 กว่าล้านบาท
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2566 คนร้ายใช้วิธีการหลอกผ่านแพลทฟอร์มต่างๆ 5 อันดับ ดังนี้ Facebook 145 เคส 107,593,333.39 บาท Website 34 เคส 8,604,561.4 บาท Line 7 เคส 815,7381.30 บาท Twitter 1 เคส 7,000 บาท TikTok 1 เคส 60,000 บาท
โดยนำรูปผู้บริหาร และใช้โลโก้ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น CP AMATA คาราบาวแดง และเครื่องหมายและมีโลโก้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ
ช่วงแรกหลอกให้ลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ได้ผลตอบแทน 30-70% เมื่อเหยื่อหลงเชื่อทักไปสอบถาม จะเป็นการสนทนาทาง Messenger (ส่วนใหญ่เป็นระบบอัตโนมัติ) จากนั้นจะแนะนำอาจารย์ หรือโค๊ด หรือโบรกเกอร์ เพื่อให้คุยทาง Line หรือเข้ากลุ่ม Open Chat พูดคุยกับสมาชิก
โดยมีหน้าม้า แนะนำอ้างว่าสามารถสร้างกำไรได้ มีการโพสต์ภาพสลิป รับเงินผลตอบแทน ให้เหยื่อหลงเชื่อ ช่วงแรกเมื่อเหยื่อโอนเงินลงทุน คนร้ายจะโอนเงินทุนพร้อมกำไรคืนให้เหยื่อ
จากนั้นจะชวนเข้ากลุ่ม VIP มีสมาชิก 5-6 คน เพื่อร่วมกันลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนมากขึ้น โดยมีผู้แนะนำการลงทุน 1 คน ที่เหลือก็จะเป็นหน้าม้า ร่วมกันหลอกให้ลงทุน
หากเหยื่ออยากยกเลิกการลงทุน หน้าม้าจะอ้างว่าหากยกเลิกหรือถอนการลงทุนจะทำให้คนอื่นไม่สามารถถอนเงินได้ และผลประโยชน์ที่ลงทุนไปพร้อมผลตอบแทนที่ปรากฏในหน้าเว็บไซต์(ปลอม) ก็จะไม่ได้รับคืน จึงต้องลงทุนเพิ่ม สุดท้ายเสียเงินไปจำนวนมาก
ด้าน ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า จากการที่มีเพจปลอมยังระบาดต่อเนื่อง สร้างผลกระทบให้กับประชาชน ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง อมตะ มีความไม่สบายใจ และไม่เคยนิ่งนอนใจ ประสานกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด จนสามารถจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องมีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะให้สังเกตเพจของกลุ่มมิจฉาชีพจะมีการตั้งขึ้นมาใหม่ มีอายุไม่นาน ในขณะที่เว็บไซต์ และเพจของกลุ่มอมตะ มีการจดทะเบียนและก่อตั้งในปี 2012 ซึ่งมีอายุการดำเนินงานมากกว่า 10 ปี และขอให้สังเกตจากเครื่องหมาย Blue Badge หรือเครื่องหมายถูกสีฟ้า ที่แสดงบัญชีทางการว่าเป็น Page หลักของอมตะ
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทางอมตะไม่มีการเสนอ หรือเชิญชวนให้ประชาชน มาลงทุนผ่าน เฟซบุ๊กหรือติดต่อผ่านระบบ Line ที่ใช้วิธีการจูงใจให้ผลตอบแทนสูง ในระยะเวลาอันสั้น
ดังนั้นขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมายังเจ้าหน้าที่ของบริษัท ได้ที่เบอร์โทร. 0610350007 และ 02-7920000
ขณะที่ น.ส.อาชินี กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับปัญหาของภัยหลอกให้ลงทุนที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้แจ้งเตือนผู้ลงทุนผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. ในหัวข้อ “Investor Alert” การดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีแอบอ้างชื่อหรือโลโก้ของ ก.ล.ต. การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถเช็กรายชื่อผลิตภัณฑ์ บุคคล หรือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่ แอปพลิเคชัน SEC Check First หรือ www.sec.or.th/checkfirst หรือ สอบถามหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ โทร 1207
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม โดยคนร้ายโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊กปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์ เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจากเฟซบุ๊ก ทำให้เพจขึ้นมาในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจเฟซบุ๊ก ก็จะคุยกับระบบ AI และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย
จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินแล้ว พบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่ว่าเงินยังฟอกไม่สำเร็จ และรู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน
จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้ ก่อนส่งต่อให้หัวหน้า ที่เป็นเจ้าหน้าที่ IT อ้างว่า ขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม เว็บพนันออนไลน์ และให้เหยื่อสมัคร และเล่นในเว็บไซต์พนัน โดยอ้างว่า ไม่ได้พามาเล่นการพนัน แต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ แต่มีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเอง ยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว และขอหักเงิน 10% เพื่อเป็นค่าทนาย จากรายได้ที่ได้จากการโจมตี เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม
ข้อแนะนำ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบว่าปัจจุบันคนร้ายยังคงใช้วิธีการหลอกโดยอาศัยกลโกงเดิมๆ แต่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ
ดังนั้นเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com