2 ผู้บริหารเอกชน และ BOI มองการชะลอตัวของเศรษฐกิจและแนวทางผลักดันดิจิทัลของภาครัฐ ที่มีการหยุดชะงักจากภาวะสุญญากาศในการรอนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ ต่างคาดหวังให้เป็นคนที่เก่งและใช่
งานสัมมนา Thailand Economic Resilience and Opportunities ที่จัดขึ้นโดย The Nation ช่วงเสวนา Reimagine Investment Trends : Preparing for Multiple Challenges โดยมี นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริหารของดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพลิกโฉมเทรนด์การลงทุน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทาย
โดยเลขาธิการ BOI กล่าวว่า การส่งเสริมธุรกิจในไทยให้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจระหว่างประเทศ จะต้องเน้นที่คนเก่ง ดึงคนเก่งให้อยากทำงานในประเทศ ส่งเสริมการลงทุน และผลักดันซัพพลายเชนของไทยให้ไปสู่ตลาดโลก เพิ่มการลงทุนจากบริษัทต่างชาติเข้ามาในไทย
ไทยมีบริษัทระดับโลกให้ความสนใจในการเข้ามาดำเนินธุรกิจ เช่น Agoda ที่มีพนักงาน 3,000 คน เช่าตึกที่เซ็นทรัลเวิร์ลเพื่อดึงคนต่างชาติเข้ามาทำงานและเป็นฐานในการโอเปอเรชั่น
ทั้งนี้ มีบริษัทหลายแห่งที่ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ หากเราสามารถผลักดันเงื่อนไขการทำงานของต่างชาติในไทยง่ายขึ้น พัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน และสร้างคนเก่งๆ โดยวางแนวทางเป็นวาระแห่งชาติ ก็น่าจะช่วยให้ไทยเป็นประเทศที่เป็นฮับของธุรกิจได้
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ประธานกรรมการบริหาร WHA กล่าวเสริมว่า หากมองภาพในเรื่องของการดึงโอกาสทางการเงินเข้ามาในไทยให้มากขึ้น ทั้งจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ จะช่วยติดปีกให้ไทยขึ้นมาได้
"ช่วงโควิดนั้น WHA Group ถือว่าเป็นช่วงที่มีต่างชาติเข้ามาลงทุนกันเยอะมาก ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี เราพยายามอย่างหนักในการผลักดันและลงทุนหลายด้าน มุ่งหวังให้ต่างชาติมองไทยเป็นประเทศที่พัฒนาศักยภาพในแง่ของความพร้อมในหลายด้าน ซึ่งเราไม่อยากจะลงทุนตัวคนเดียว อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเสริมในหลายด้านมากกว่านี้ เข้าใจในธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากกว่านี้"
สิ่งที่คนทำงานด้านเทคโนโลยีต้องการ คือคนที่เข้าใจ มีรความสามารถและเก่งจริง ช่วงที่ผ่านมากระทรวงเศรษฐกิจและดิจิทัลที่ตอนนี้ถือว่าเป็นกระทรวงเกรดเอ เพราะมีโอกาสการลงทุน สร้างรายได้เข้าประเทศได้มหาศาล แต่ภาครัฐกลับไม่เข้าใจไม่ได้มีความรู้ด้านการเดินหน้าของเทคโนโลยีมากนัก ไม่อยากให้การเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ เป็นโควต้าของพรรค ทั้งที่คนไทยเก่งๆ มีเยอะมาก อยากได้คนเก่งที่ทำงานเป็น นั่งให้ถูกกระทรวง
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคตสิ่งที่จะกระทบกับทั้งโลกมากที่สุดคือ Digital และ Green กระทบทุกวงการเลย ไม่ใช่แค่ AI บล็อกเชน แมชชีนเลิร์นนิ่ง ไอโอที เท่านั้น
ยิ่งไทยเข้าสู่ยุค Aging Society จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะไม่บริโภคเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะคนช่วงเจนวายที่ต้องแบกวัยเบบี้บูมเมอร์และเจนซีนั้น จะเป็นช่วงที่เหนื่อย จึงต้องหานวัตกรรมบางอย่างมาช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งการได้มาของเทคโนโลยีนั้น ก็คือต้องมีเงิน มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ต่อหัวของคนเจนวายก็ไม่ได้สูงมากจนดูแลคนทั้งสองกลุ่มได้
หากถามว่าไทยจะสามารถเป็น Hub ของเทคโนโลยี นวัตกรรมและสตาร์ทอัพได้หรือไม่ นั้น ทาง จิรายุส มองว่า แม้ไทยจะเป็นประเทศที่สวยงาม คนอยากมาอยู่พักผ่อนนานๆ แต่ในแง่ธุรกิจไทยยังไม่มีกฏหมายที่ดีมากนัก ข้อเสนอก็ไม่ได้ดึงดูดมากนัก เมื่อเทียบกับ ฟิลิปปินส์ หรือ อินโดนีเซีย ที่มุ่งหวังจะเป็น Digital Hub กับ Green Hub
ดังนั้น สิ่งที่ไทยควรจะแก้ไข หรือต้องไม่ตัดเรื่องของ Digital - Green - Revolution ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์เปลี่ยนโลก และโอกาสเติบโตของอนาคต