รู้จัก Social media activism ผลกระทบในสังคมที่อาจส่งผลกับธุรกิจ

Social media activism คือ วิธีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวหรือการที่ผู้คนรวมตัวกันแสดงออกถึงปัญหาในสังคม โดยส่ิงนี้อาจใกล้เคียงกับ Social Movement หรือสิ่งที่คนในสังคมกำลังเคลื่อนไหว

หากเอ่ยคำว่าการเคลื่อนไหวทางการเมือง หลายคนอาจจินตนาการว่าเป็นการออกไปประท้วงตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานนั้นๆ เกิดความสนใจ

แต่ในยุคโซเชียลมีเดียครองเมืองแบบนี้ การโพสต์ข้อความใส่ร้าย การใช้แฮชแท็กเรียกความสนใจเพื่อติดเทรนด์ทวิตเตอร์ต่างๆ รวมทั้งการสร้างคอนเทนต์โจมตีใครสักคน สิ่งเหล่านี้ก็คือการเคลื่อนไหวทางสังคม เพื่อเรียกร้องความสนใจได้แล้ว

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• เด็กอุเทนถวาย ประท้วงปิดถนน เรียกร้องเปิดเรียนตามปกติ แทนออนไลน์
• เยอรมนี ชุมนุมใน 6 เมืองประท้วงรัฐบาล ลดราคาพลังงาน-ค่าครองชีพ
• จีน รวมตัวประท้วง รถ Tesla หลังประกาศลดราคาเทสลา มอง เหมือนโดนหลอกซื้อของแพง

หากเอ่ยถึงรายชื่อว่าที่ผู้สมัครหรือว่าที่นักการเมืองที่เคยมีชื่อในแวดวงธุรกิจ ในยุคสมัยนี้เราอาจนึกถึงหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐา ทวีสิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และอีกหลายคนที่มีเส้นทางธุรกิจหรือญาติพี่น้องประกอบธุรกิจ 

ยิ่งเป็นนักการเมืองและผู้บริหารที่มีนามสกุลเดียวกัน ย่อมทำให้การคาดเดาในความข้องเกี่ยวของทั้งสองฝั่งมีทั้งแง่ดีและแง่ร้าย เราจึงเห็นเจ้าของสินค้ารายย่อยที่ประกาศชัดว่าตนเองชื่นชอบหรือนิยมในพรรคการเมืองใด

ดังนั้น ลูกค้าหรือผู้ที่เคยใช้บริการสินค้าย่อมอยากให้แบรนด์ที่ตัวเองรักออกมาแสดงจุดยืนกับปัญหาต่างๆ แต่ก็ยังมีหลายคนที่มองว่าการที่แบรนด์ออกมาพูดก็เพื่อการเพิ่มยอดขาย แล้วจะทำยังไงให้การสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การโพสต์แบบไม่มีเหตุผลหรือที่มาที่ไป เพียงแต่เกาะกระแสแฮชแท็กของแบรนด์สินค้า ก็อาจส่งผลโจมตีทางธุรกิจได้แล้ว

ดังนั้น การเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จึงไม่มีผู้นำเป็นศูนย์กลาง มักจะเกิดการสนับสนุนโดยผู้คนที่โพสต์ แสดงความคิดเห็น กดไลค์และแชร์เนื้อหาต่างๆ ซึ่งมีสิ่งที่แบรนด์ควรตะหนักไว้เกี่ยวกับเนื้อหาที่ควรพิจารณาให้ดีหากต้องการเข้าร่วมกับกระแสหรือเทรนด์ฮิตใดๆ 

แบรนด์ที่มีผู้บริหารเกี่ยวเนื่องกับภาคการเมือง ที่ต้องการเกาะกระแสเทรนด์ฮิตบนโลกออนไลน์ อย่าเอาแต่เข้าร่วมแต่ต้องเข้าร่วมอย่างถูกต้อง ควรมีการศึกษาข้อมูลของปัญหาให้ถี่ถ้วน เพราะการที่แบรนด์จะสื่อสารออกไปนั้น ควรแน่ใจก่อนว่าผู้คนจะเข้าใจปัญหาอย่างถูกต้องหรือได้รับแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม

รวมทั้งการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้ในการสื่อสารแคมเปญหรือโปรโมชั่นต่างๆ ก็ต้องรู้จักเบื้องหลังเบื้องลึกในเส้นทางการทำคอนเทนต์ให้ดี ไม่ใช่แค่เลือกแต่จำนวนผู้ติดตาม หรือยอดการเข้าร่วมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอ่านให้ครบทำความเข้าใจให้ดีทุกคน

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวทางสังคมมักถูกมองว่าเป็นการพูดมากกว่าการกระทำ แต่การขับเคลื่อนนี้ คือพลังที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวที่อาจเป็นจุดที่สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมได้